ออกแล้ว! รายงานฉบับเต็ม ‘มุลเลอร์’ ชี้ ‘ทรัมป์’ บี้ปลด หวั่นตกเก้าอี้

รายงานฉบับเต็มซึ่งมีความหนาถึง 448 หน้าที่เป็นผลสอบสวนของคณะทำงานเกี่ยวกับข้อกล่าวหาว่ารัสเซียเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2559 เพื่อช่วยให้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเป็นผู้สมัครในขณะนั้นชนะเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ ที่มีนายโรเบิร์ต มุลเลอร์ ที่ปรึกษาพิเศษเป็นหัวหน้าทีม ถูกเผยแพร่ออกมาแล้วเมื่อวันที่ 18 เมษายน ตามเวลาในสหรัฐ หลังใช้เวลาในการดำเนินการนานถึง 22 เดือน

ประเด็นที่ได้รับความสนใจดูจะไม่ใช่ผลสอบสวนหลักที่เคยมีการเผยแพร่มาก่อนหน้านี้ว่าทรัมป์ไม่ได้สมคบคิดกับรัสเซียในระหว่างการเลือกตั้ง แต่กลายเป็นประเด็นเกี่ยวกับความพยายามของทรัมป์ในการที่จะหาทางปลดมุลเลอร์ออกจากการทำหน้าที่สำคัญดังกล่าว

รายงานของมุลเลอร์ชี้ว่า เขาไม่พบการสมคบคิดระหว่างการรณรงค์หาเสียงของทรัมป์กับรัสเซีย แต่ไม่สามารถได้ข้อสรุปในทางกฎหมายที่ชัดเจนว่าทรัมป์ได้พยายามขัดขวางกระบวนการสอบสวนหรือไม่ โดยรายงานดังกล่าวระบุว่าไม่ได้มีการสรุปว่าประธานาธิบดีสหรัฐก่ออาชญากรรม แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้บอกว่าทรัมป์พ้นจากความผิดตามที่มีการกล่าวหาด้วยเช่นกัน

รายงานฉบับนี้ระบุด้วยว่าทรัมป์ถึงกับกล่าวสบถเมื่อมีการประกาศการแต่งตั้งคณะทำงานสอบสวนขึ้นว่า “โอ้พระเจ้า มันน่ากลัวมาก นี่เป็นจุดจบในการเป็นประธานาธิบดีของผม”

Advertisement

รายงานเผยว่าเมื่อเดือนมิถุนายน 2560 ทรัมป์ได้โทรศัพท์พูดคุยกับทนายความประจำทำเนียบขาว เพื่อพยายามหาทางปลดมุลเลอร์ออกจากตำแหน่งโดยอ้างว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน ซึ่งทนายความผู้นี้แจ้งว่าเขาตัดสินใจลาออกเนื่องจากรู้สึกเหมือนตัวเองติดกับ เพราะไม่ต้องการที่จะทำตามคำสั่งของประธานาธิบดีและไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรหากทรัมป์โทรหาอีกครั้งหนึ่ง

รายงานบ่งชี้ว่าความพยายามที่จะขัดขวางกระบวนการยุติธรรมของทรัมป์ต้องประสบความล้มเหลว เนื่องจากสมาชิกหลายคนภายในรัฐบาลของเขาซึ่งรวมถึงนายเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ(เอฟบีไอ) ปฏิเสธที่จะทำตามคำสั่งเหล่านั้น

นอกจากนี้คณะทำงานยังเห็นว่า ทรัมป์ไม่ได้ตอบคำถามเป็นลายลักษณ์อักษรตามที่คณะทำงานได้ยื่นไปอย่างเหมาะสม แต่คณะทำงานเห็นพ้องจะไม่เดินหน้าต่อด้วยการผลักดันให้มีการต่อสู้ทางข้อกฎหมายเพื่อที่จะขอสัมภาษณ์ทรัมป์ เนื่องจากต้องใช้เวลาในการต่อสู้ทางกฎหมายยาวนาน

การสอบสวนของคณะทำงานชุดนี้ทำให้มีการตั้งข้อหากับบุคคลต่างๆ ถึง 35 คน ซึ่งรวมถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการการรณรงค์หาเสียงของทรัมป์ รวมถึงผู้ที่ทำงานอยู่ในรัฐบาลชุดปัจจุบัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image