วิเทศวิถี : ‘ฟรีวีซ่า’ ช่วยชาติจริงหรือ?

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 24 เมษายนนี้ มีกำหนดที่จะพิจารณาข้อเสนอในการขออนุมัติขยายระยะเวลายกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา ณ ด่านอนุญาตตรวจคนเข้าเมือง หรือ Visa on Arrival (วีโอเอ) ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ การขยายระยะเวลายกเว้นค่าธรรมเนียมวีโอเอดังกล่าว เป็นการต่ออายุการยกเว้นค่าธรรมเนียมเดิมที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 เมษายนนี้ออกไปอีก 6 เดือน คือครอบคลุมตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม – 31 ตุลาคม 2562 ซึ่งเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีโอเอให้กับคน 21 ประเทศ ประกอบด้วย อันดอร์รา บัลแกเรีย ภูฏาน จีน ไซปรัส เอธิโอเปีย ฟิจิ อินเดีย คาซัคสถาน ลัตเวีย ลิทัวเนีย มัลดีฟส์ มอลตา มอริเชียส ปาปัวนิวกินี โรมาเนีย ซานมารีโน ซาอุดีอาระเบีย ไต้หวัน ยูเครน และอุซเบกิสถาน

การยกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา(วีซ่า) เป็นแนวทางที่รัฐบาลนิยมนำมาใช้ในระยะหลัง เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าประเทศเมื่อเกิดสถานการณ์ที่หวั่นเกรงว่าจะทำให้ยอดนักท่องเที่ยวลดน้อยลง แต่การดำเนินการดังกล่าวก็เป็นประเด็นที่มีข้อถกเถียงกันอยู่ว่าช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวได้จริงหรือไม่ เนื่องจากเมื่อนำไปปฏิบัติใช้จริงนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักอย่างจีนก็ดูเหมือนว่ายังคงไม่ได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า เพราะบริษัทนำเที่ยวไม่ได้ปรับลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ลงให้กะบนักท่องเที่ยวแต่อย่างใด
ในทางตรงข้าม เมื่อไทยนำมาตรการเช่นนี้มาใช้บ่อยครั้ง บริษัทนำเที่ยวที่จับทางได้ก็จะรอเวลาดังกล่าวเพื่อที่จะได้ส่วนต่างในค่าธรรมเนียมที่ไทยยกเว้นนี้ สะท้อนให้เห็นว่าที่สุดแล้วผู้ได้รับประโยชน์ก็ไม่ใช่นักท่องเที่ยวแต่อย่างใด
หลังจากมีการยกเลิกค่าธรรมเนียมวีซ่าแล้ว รัฐบาลก็ได้ประกาศให้มีการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีโอเอ ด้วยเหตุผลเดียวกันคือเพื่อดึงดูดและอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเยือนไทย ไม่ให้ต้องขอวีซ่าล่วงหน้า แต่สามารถมายื่นขอวีซ่าได้ที่สนามบินหรือด่านตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศไทย ซึ่งจะทำให้การเดินทางเยือนไทยสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ภายใต้นโยบายที่ดูจะเป็นความตั้งใจดีก็ยังมีประเด็นที่ทุกฝ่ายควรต้องตระหนักคือปัญหาด้านความมั่นคง ซึ่งหากจะว่าไปประเด็นดังกล่าวไม่ควรจะถูกละเลยหรือมองข้าม และยังมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับประเทศด้วย
ทั้งนี้การขอวีซ่าผ่านสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลกกับการขอวีซ่าหน้าด่านตรวจคนเข้าเมือง หรือวีโอเอ มีความแตกต่างกันในประเด็นสำคัญ กระบวนการคัดกรองตัวบุคคลที่จะเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร
ตามขั้นตอนวีโอเอ บุคคลของประเทศที่ถูกระบุว่าสามารถตรวจลงตราที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองได้นั้น จะยื่นเอกสารเพียงบัตรโดยสารเครื่องบินไป-กลับ และหลักฐานการจองที่พักเท่านั้น ขณะที่การยื่นขอวีซ่าผ่านสถานทูตและสถานกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลกจะต้องมีเอกสารทางการเงินรวมถึงเอกสารยืนยันการประกอบอาชีพของผู้ยื่นขอด้วย ซึ่งเอกสารที่ระบุดังกล่าวก็เพื่อให้การพิจารณาอนุมัติวีซ่ามีความรอบคอบและรัดกุมมากขึ้น
จริงอยู่ที่การยกเว้นค่าธรรมเนียมวีโอเอทำให้ยอดนักท่องเที่ยวที่ตัดสินใจมายื่นขอรับการตรวจลงตราที่สนามบินหรือด่านตรวจคนเข้าเมืองตามชายแดนหลายจุดเพิ่มสูงขึ้น แต่ในทางกลับกัน กระบวนการตรวจสอบคัดกรองบุคคลที่จะเดินทางเข้าประเทศไทยก็ขาดความรัดกุมลงไปเช่นกัน
อย่างไรก็ดีหากหันกลับไปดูสถิติรายงานตัวเลขที่แท้จริงของการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีโอเอในช่วงปกติ คือระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2560 – มีนาคม 2661 เปรียบเทียบกับช่วงที่มีการยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมวีโอเอ ในเดือนพฤศจิกายน 2561 – มีนาคม 2562 จากนักท่องเที่ยวจีนและอินเดีย ซึ่งถือเป็น 2 ประเทศหลักที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามายังไทยเป็นจำนวนมากพบความแตกต่างที่น่าสนใจ
ทั้งนี้ประเทศจีนมีการมายื่นขอวีโอเอเพิ่มขึ้นหลังการยกเว้นค่าธรรมเนียม 63.8% และขอรับการตรวจลงตราที่สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ลดลง 51.6% แต่เมื่อเปรียบเทียบจำนวนคนจีนที่เดินทางเข้าประเทศไทยในสองช่วงเวลาพบว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวยังคงลดลง 3.7%
ขณะที่ประเทศอินเดียมีผู้มายื่นขอวีโอเอเพิ่มขึ้น 72.6%  และขอรับการตรวจลงตราที่สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ลดลง 29.8% เมื่อเปรียบเทียบ ระหว่างสองช่วงเวลานักท่องเที่ยวอินเดียเพิ่มขึ้น 24.1%
ตัวเลขดังกล่าวทำให้เห็นได้ชัดว่าดูเหมือนการยกเว้นวีโอเอจะเป็นแรงจูงใจในการท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวอินเดียมากกว่าจีนซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักสำหรับไทยในขณะนี้ ซุ่งน่าคิดว่ามาจากเหตุผลของการลดการแสดงเอกสารประกอบการยื่นขอเข้าเมืองดังที่ตั้งข้อสังเกตไว้ข้างต้นด้วยหรือไม่
กรณีที่เกิดขึ้นกระทรวงการต่างประเทศได้เคยให้ความเห็นไปว่ามาตรการการยกเลิกเก็บค่าธรรมเนียมวีโอเอไม้น่าจะเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนกลับมาเที่ยวไทยมากขึ้นหลังเหตุเรือล่มที่ภูเก็ต แต่อาจมีผลต่อการตัดสินใจของคนอินเดียที่จะเดินทางเข้ามาในไทยอยู่บ้าง
หากรัฐบาลยังเห็นควรที่จะให้มีการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีโอเอต่อไป อย่างน้อยควรมีการปรับมาตรฐานในการยื่นเอกสารประกอบคำร้องให้เป็นไปในแนวเดียวกับการยื่นคำร้องที่สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างสำหรับผู้มีคุณสมบัติที่ไม่เหมาะสมใช้ช่องทางหารยื่นขอวีโอเอเพื่อเดินทางเข้าประเทศไทยได้โดยง่าย
หรือไม่เช่นนั้นก็ต้องคัดเลือกประเทศที่เราจะให้สิทธิในการยื่นขอวีโอเออย่างรัดกุม โดยเน้นไปที่ประเทศที่มีการกำกับดูแลการเดินทางของพลเมืองอย่างรัดกุม ไม่มีปัญหาการปลอมเอกสาร หรือมีปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศ ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรต้องมีการติดตามและทบทวนผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างรอบคอบ ไม่มุ่งเน้นเพียงแต่การกระตุ้นเศรษฐกิจหรือเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว แต่ต้องพิจารณาถึงประเด็นด้านความมั่นคง ตลอดจนผลกระทบในทางสังคม สิ่งแวดล้อม ไปจนถึงการก่ออาชญากรรมด้วย
เราพูดกันมาระยะหนึ่งแล้วว่าประเทศไทยควรมุ่งเน้นนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพมากกว่าการตั้งเป้าเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวในส่วนที่เป็นเพียงตัวเลขเท่านั้น ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราควรพิจารณาและดำเนินการในเรื่องดังกล่าวให้รอบคอบและรัดกุม เพราะนโยบายที่มุ่งเน้นแต่เพียงมิติทางด้านเศรษฐกิจในลักษณะนี้ อาจทำให้เกิดปัญหาด้านอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย
เพราะสิ่งที่เราคิดว่าจะได้ อาจจะไม่คุ้มกับความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นตามมา
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image