เมื่อวันที่ 25 เมษายน สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า วันเดียวกันนี้ รัฐสภายูเครนได้ผ่านความเห็นชอบในกฎหมายที่กำหนดให้ใช้ภาษายูเครนในการสื่อสารเป็นทางการ ซึ่งเชื่อว่ากฎหมายฉบับนี้จะสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนในหลายพื้นที่ของยูเครนที่ใช้ภาษารัสเซียในการสื่อสาร ซึ่งรวมถึงประเทศรัสเซีย ที่เป็นประเทศคู่ปรับของยูเครนเองด้วย
สื่อท้องถิ่นรายงานว่าภายใต้กฎหมายนี้มีบทบัญญัติให้เจ้าหน้าที่ทางการยูเครนในทุกระดับชั้น ตลอดจนผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์ ครู ทนายความและอาชีพอื่นๆ จะต้องใช้ภาษายูเครนในการสื่อสาร ไม่เช่นนั้นจะต้องเผชิญโทษปรับ นอกจากนี้ยังมีการกำหนดเพิ่มโควต้าให้กับสถานีโทรทัศน์และสถานีวิทยุภาคภาษายูเครน แต่กฎหมายนี้จะไม่บังคับใช้กับการสื่อสารของภาคเอกชนหรือการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
ประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโก ของยูเครนที่กำลังจะพ้นตำแหน่งไปหลังพ่ายแพ้การเลือกตั้ง ได้ทวีตข้อความบนทวิตเตอร์ ชื่นชมการอนุมัติกฎหมายฉบับนี้ว่าเป็นเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ เหมือนกับในสมัยรัฐบาลของตนเองที่ได้ทำการปฏิรูปกองทัพและสร้างโบสถ์ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวยูเครน
การผ่านกฎหมายฉบับนี้ของรัฐสภายังมีขึ้นไม่กี่ยวันหลังจากนายโวโลดีมีร์ เซเลนสกี นักแสดงตลกชื่อดังของยูเครนที่ใช้ภาษารัสเซีย ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดียูเครนคนใหม่ และมีขึ้นหนึ่งวันหลังจากทางการรัสเซียเปิดทางให้ชาวยูเครนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ยึดครองของกลุ่มกบฎแบ่งแยกดินแดนในยูเครน สามารถขอหนังสือเดินทางสัญชาติรัสเซียได้ง่ายขึ้น ขณะที่แม้ภาษายูเครนจะถือเป็นภาษาราชการของยูเครนอยู่แล้ว แต่ยังประชาชนอีกจำนวนมากในยูเครนที่ใช้ภาษารัสเซียในการสื่อสาร
ทั้งนี้ยูเครนและรัสเซีย เป็นชาติคู่ปรับที่มีปัญหาพิพาทขัดแย้งกันอย่างหนักนับจากเกิดเหตุการณ์ลุกฮือขับไล่ผู้นำยูเครนที่มีรัสเซียให้การสนับสนุนอยู่ในปี 2557 ก่อนจะเกิดปัญหากระทบกระทั่งเรื่องดินแดนและเป็นผลให้รัสเซียผนวกดินแดนบนคาบสมุทรไครเมียของยูเครน เข้ามาอยู่ใต้อาณัติของรัสเซียในเวลาต่อมา นอกจากนี้รัฐบาลมอสโกยังให้การสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในพื้นที่ทางตะวันออกของยูเครนอีกด้วย
