สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานเมื่อวันที่ 28 เมษายน ว่า สำนักพระราชวังญี่ปุ่นเผยแพร่รายละเอียดพระราชพิธีสละราชสมบัติของสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะและพระราชพิธีขึ้นครองราชย์ของเจ้าชายนารุฮิโตะ องค์มกุฎราชกุมาร ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 30 เมษายนและวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ ทั้งนี้ พระราชพิธีดังกล่าวเหล่านั้นจะเป็นพระราชพิธีช่วงสั้นๆ ค่อนข้างเรียบง่ายแต่ถือเป็นพระราชพิธีที่หาชมได้ยาก นานๆ ถึงจะเกิดขึ้นครั้งหนึ่ง โดยครั้งหลังสุดที่มีการสละราชบัลลังก์ขึ้นนั้น เกิดขึ้นในสมัยพระจักรพรรดิโคกากุ ในปี ค.ศ.1817 (พ.ศ.2360) หรือเมื่อ 202 ปีมาแล้ว
ในวันที่ 30 เมษายน พิธีสละราชสมบัติจะมีขึ้น ณ พระราชวังอิมพีเรียลระหว่างเวลา 17.00-17.10 น. ตามเวลาท้องถิ่นภายในท้องพระโรงไม้สน ซึ่งใช้ไม้สนปูพื้นขัดมันวาวและได้ชื่อว่าเป็นห้องที่ทรงเกียรติภูมิสูงสุดในพระบรมมหาราชวัง โดยมีผู้ร่วมอยู่ในพระราชพิธีซึ่งจะถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ออกไปทั่วประเทศนี้ราว 300 คน
พิธีเริ่มต้นโดยเจ้าพนักงานสำนักพระราชวังอัญเชิญตราประจำแผ่นดินและพระราชลัญจกร (ตราประจำพระองค์) พร้อมทั้ง 2 ใน 3 เครื่องราชกกุธภัณฑ์สำคัญของแผ่นดิน ซึ่งคือพระแสงดาบคุซานางิ และอัญมณีมางาตามะ (เครื่องราชกกุธภัณฑ์อย่างที่ 3 คือ กระจกสัมฤทธิ์ ยาตะโนะ คะงะมิ เก็บรักษาอยู่ที่มหาวิหารอิเสะ มหาวิหารศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของญี่ปุ่น) พระแสงดาบนั้นเดิมเก็บรักษาอยู่ ณ วิหารในจังหวัดมิเอะ ส่วนอัญมณีนั้นเก็บรักษาไว้ในกล่องผนึกมิดชิด หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรี ชินโสะ อาเบะ เป็นผู้ประกาศการสละราชสมบัติ หลังจากนั้นพระจักรพรรดิพระราชทานพระบรมราโชวาทเป็นครั้งสุดท้าย ต่อหน้าพระพักตร์พระจักรพรรดินี มิชิโกะ, เจ้าชายนารุฮิโตะ เจ้าหญิงมาซาโกะ องค์มกุฎราชกุมารและองค์มกุฎราชกุมารี และต่อหน้าผู้นำของสภาขุนนางและสภาผู้แทนราษฎรและประธานศาลฎีกา
ในพระราชพิธีขึ้นครองราชย์นั้นจะเริ่มต้นในเวลา 10.30-10.40 น. ของวันที่ 1 พฤษภาคม ซึ่งถือเป็นขั้นตอนแรกในการสืบพระราชสมบัติ โดยเจ้าพนักงานอัญเชิญตราแผ่นดินและพระราชลัญจกร พร้อมเครื่องราชกกุธภัณฑ์ พระแสงดาบและอัญมณี จัดวางไว้บนโต๊ะเบื้องหน้าสมเด็จพระจักรพรรดิพระองค์ใหม่เพื่อเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า เจ้าชายนารุฮิโตะ มีสิทธิสมบูรณ์ในการสืบราชบัลลังก์ ผู้เข้าร่วมจำกัดให้มีเพียงเชื้อพระวงศ์ชายชั้นสูง และตัวแทนของ 3 อำนาจบริหาร, นิติบัญญัติ, ตุลาการ ไม่มีอดีตพระจักรพรรดิอากิฮิโตะและอดีตพระจักรพรรดินี มิชิโกะ ร่วมอยู่ในพิธี ทั้งนี้ ยกเว้นนาง ซัตสึกิ คาตายามะ รัฐมนตรีกระทรวงกิจการบูรณะภูมิภาค ซึ่งเป็นรัฐมนตรีหญิงคนเดียว สามารถเข้าร่วมในพิธีได้เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น
ต่อมาระหว่างเวลา 11.10-11.20 น. วันเดียวกัน พระจักรพรรดิพระองค์ใหม่เสด็จออก ณ ท้องพระโรงไม้สน พร้อมจักรพรรดินีพระองค์ใหม่และเชื้อพระวงศ์ทั้งหลาย รวมถึงตัวแทนของอำนาจบริหาร, ตุลาการและนิติบัญญัติ พร้อมภริยา เข้าร่วมในพิธี ทรงประกาศพระปฐมบรมราชโองการ โดยมีนายกรัฐมนตรีอาเบะ กล่าวถวายพระพรชัยในนามของประชาชนทั้งประเทศ เป็นอันเสร็จพิธี
ในวันที่ 4 พฤษภาคม จักรพรรดินารุฮิโตะ และจักรพรรดินี มาซาโกะ เสด็จออก ณ พระราชวังอิมพีเรียล ทรงพบปะกับพสกนิกรเป็นครั้งแรก เพื่อให้ประชาชนได้ร่วมถวายพระพรชัย ตั้งแต่เวลา 10.00 น. รวมทั้งสิ้น 6 รอบ โดยคาดว่าจะมีประชาชนไม่น้อยกว่า 100,000 คน เดินทางไปเข้าร่วมถวายพระพรในครั้งนี้
ในวันที่ 22 ตุลาคม ทรงจัดให้มีพระราชพิธีเฉลิมฉลองการขึ้นครองราชย์อย่างเป็นทางการ โดยมีพระราชอาคันตุกะ, แขกผู้มีเกียรติและคณะทูตานุทูตจากเกือบ 200 ประเทศ เข้าร่วม โดยพระจักรพรรดินารุฮิโตะ ในฉลองพระองค์กิโมโนตามประเพณี เสด็จขึ้นประทับ ณ พระราชบัลลังก์ ทากามิกูระ หลังจากนั้นทรงประทับรถยนต์พระที่นั่งเปิดประทุนพร้อมพระจักรพรรดินี ร่วมในริ้วขบวนผ่านถนนในใจกลางกรุงโตเกียว ซึ่งคาดว่าจะมีผู้คนรอชมพระบารมีไม่น้อยกว่า 120,000 คน
