สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา เกิดเหตุมือปืน 2 ราย พร้อมอาวุธปืนเข้าไปก่อเหตุยิงโจมตีในโรงเรียนสเต็มสคูล ในย่านไฮแลนด์ แรนช์ รัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา เป็นผลให้นักเรียนชายอายุ 18 ปีรายหนึ่งเสียชีวิต และเด็กนักเรียนอีก 8 คน ได้รับบาดเจ็บ ส่วนมือปืนทั้ง 2 คนที่ถูกระบุว่าเป็นนักเรียนของโรงเรียนนี้ โดยรายหนึ่งอายุยังไม่ถึง 18 ปี ได้ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไว้ได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนแรงจูงใจในการก่อเหตุโจมตีครั้งนี้อยู่
โทนี สเปอร์ล็อก นายอำเภอเขตดักลาสเคาน์ตีเปิดเผยว่า นักเรียนที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บมี 8 ราย ซึ่งอายุน้อยที่สุดคือ 15 ปี โดยหลายคนมีอาการอยู่ในขั้นวิกฤต ทั้งนี้มือปืน 2 คนเดินเข้ามาในโรงเรียนและใช้อาวุธปืนพกยิงโจมตีในห้องเรียน 2 ห้องแยกกัน หลังได้รับแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลังรุดไปถึงจุดเกิดเหตุภายใน 2 นาที ซึ่งการตอบสนองต่อเหตุโจมตีได้ในเกือบจะทันทีของเจ้าหน้าที่ ได้ช่วยรักษาชีวิตของผู้คนในโรงเรียนไว้ได้อย่างมาก
เฟอร์นันโด มอนโตยา หนึ่งในผู้ปกครองเด็กที่ได้รับบาดเจ็บเปิดเผยว่า ลูกชายของตนอายุ 17 ปี ถูกยิง 3 นัด และเพื่อนนักเรียนอีกคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ และว่า ลูกชายบอกกับตนว่ามือปืนรายหนึ่งเดินเข้ามาในห้องเรียน แล้วควักปืนออกมาจากกล่องใส่กีตาร์พร้อมกับเหนี่ยวไกยิง
ด้านทำเนียบขาวแถลงว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ได้รับทราบรายงานสรุปเหตุยิงโจมตีที่เกิดขึ้นแล้ว
ทั้งนี้โรงเรียนสเต็มสคูล เปิดรับนักเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงเกรด 12 มีเด็กนักเรียนอยู่ประมาณ 1,800 คน โรงเรียนแห่งนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลนักจากโรงเรียนมัธยมโคลัมไบน์ ซึ่งเคยเกิดเหตุมือปืนกราดยิงฆ่าหมู่ในปี 2542 จนทำให้มีเด็กนักเรียนถูกยิงเสียชีวิต 13 ราย ถือเป็นหนึ่งในเหตุความรุนแรงจากอาวุธปืนที่เกิดขึ้นในสถานศึกษาครั้งเลวร้ายที่สุดในสหรัฐ ซึ่งจุดการโต้เถียงเป็นวงกว้างในสังคมอเมริกันต่อประเด็นสิทธิในการครอบครองอาวุธปืนและเหตุความรุนแรง
