‘วีรชัย’ ในความทรงจำ

หมายเหตุ “มติชน” สัปดาห์สุดท้ายนี้ เป็นความทรงจำถึงท่านทูต วีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกา จากนาง บุษยา มาทแล็ง ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นเพื่อนเรียนกับท่านทูตแสบตั้งแต่ประถมศึกษาปีที่ 2 กระทั่งมารับราชการที่กระทรวงการต่างประเทศด้วยกัน และยังเป็นเพื่อนเรียนที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กับ อลิซเบธ พลาศรัย ภริยาของทูตแสบอีกด้วย

//////////

คำไว้อาลัยแด่ เอกอัครราชทูตวีรชัย พลาศรัย

เมื่อคุณ อลิซเบธ พลาศรัย (ซึ่งจะขอเรียกว่า ลิซ เพราะว่าสนิทกัน) ภริยาของเอกอัครราชทูตวีรชัย ได้ขอให้ดิฉันเขียนคำไว้อาลัยแด่เอกอัครราชทูตวีรชัยในฐานะ “ผู้บังคับบัญชา” ดิฉันตอบรับทันทีด้วยความเต็มใจ แต่ไม่ได้บอกลิซว่า ดิฉันต้องการเขียนถึงท่านทูตวีรชัยในฐานะ “เพื่อน”

Advertisement

ท่านทูตวีรชัยซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อเล่นว่า “แสบ” เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกับดิฉัน เราเรียนห้องเดียวกันตั้งแต่ประถมศึกษาปีที่ 2 จนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนที่ท่านทูตจะเข้าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา โดยเรายังคงติดต่อกันอยู่เป็นระยะๆ เมื่อท่านทูตกลับมาหลังสำเร็จการศึกษาที่ฝรั่งเศส เราทำงานที่กรมเดียวกัน คือกรมการเมือง ดังนั้น ความทรงจำของดิฉันต่อท่านทูตแสบจึงย้อนหลังไปยาวนานมาก และมีสีสันน่าจดจำ ท่านทูตเป็นเพื่อนที่เติบโตมาด้วยกัน รู้จักกันมายาวนานมากที่สุดกว่าใครๆ ในกระทรวงการต่างประเทศ

นอกจากความเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็กแล้ว ครอบครัวของเราทั้งสองมีความใกล้ชิดสนิทสนมกันมากด้วย เพราะลิซและดิฉันเป็นเพื่อนร่วมรุ่นที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เราเรียนภาษาฝรั่งเศสเป็นวิชาเอก จึงร่วมชั้นกันมาตลอดตั้งแต่ปี 1 ถึงปี 4 เมื่อดิฉันทราบว่า ลิซและแสบจะแต่งงานกัน ดิฉันรู้สึกยินดีกับทั้งสองคนเป็นอย่างมาก ลิซและแสบมางานแต่งงานของดิฉันกับโลร็องท์ (ซึ่งมีชื่อไทยว่า ส้ม) คุณส้มสนิทสนมและพูดคุยกับแสบได้อย่างถูกคอ เพราะเขามีความสนใจร่วมกันในหลาย ๆ ด้าน ทั้งคู่ชื่นชอบกีฬา ดนตรี ศิลปะ และวัฒนธรรม

เมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ดิฉันดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้มีโอกาสประสานงานกับท่านทูต ซึ่งประจำการอยู่ที่นครนิวยอร์ก และต่อมาที่กรุงวอชิงตัน อย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้นและอย่างสม่ำเสมอเกือบทุกวัน ดิฉันได้ทราบอาการป่วยของท่านทูตเป็นคนแรกๆ เมื่อเดือนธันวาคม 2561 แม้ดิฉันจะตกใจเพราะรู้จักโรค MDS (Myelodysplastic syndrome) อยู่บ้าง แต่รู้สึกเบาใจ เมื่อได้รับฟังจากท่านทูตเรื่องแผนการรักษาของแพทย์ที่โรงพยาบาล Johns Hopkins ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่เชี่ยวชาญโรคนี้เป็นอันดับต้นๆ ของโลก รวมทั้งความมั่นใจและกำลังใจที่เข้มแข็งของแสบว่า ทีมแพทย์จะสามารถรักษาให้หายขาดได้

Advertisement

ด้วยความที่ท่านทูตมีความรับผิดชอบสูงมาก ท่านบอกว่า ยังจะคงทำงานต่อไป แต่จะไม่สามารถเดินทางไปไหนได้เนื่องจากแพทย์ไม่อนุญาต แม้ดิฉันจะบอกว่า ไม่ต้องทำงาน ขอให้พักลาป่วยไปเลย ท่านทูตก็ยังยืนยันว่าท่านต้องการทำงานต่อไป ความเจ็บป่วยไม่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่แต่อย่างใด เราติดต่อกันมาตลอด จนถึงวันที่ 2 มีนาคม 2562 ได้พูดคุยสอบถามเรื่องอาการป่วย และผลการรักษาของแพทย์ ท่านทูตบอกว่า รู้สึกว่าร่างกายแข็งแรงขึ้น คิดว่าหมอมาถูกทางแล้ว ดิฉันยังบอกท่านทูตว่า ต้องดูแลตัวเองมากๆ และต้องเชื่อฟังหมอ สุขภาพของเราสำคัญที่สุด จะทำงานใดให้สำเร็จต้องมีสุขภาพที่ดีเป็นพื้นฐาน

ดังนั้น เมื่อดิฉันทราบว่า แสบเข้าโรงพยาบาลในวันรุ่งขึ้นจากที่เราคุยกัน และเข้าห้องไอซียูใน 1 สัปดาห์ต่อมา ดิฉันจึงตกใจมาก และรีบโทรศัพท์หาลิซ รวมทั้งเล่าให้ลิซฟังว่า เพื่อนๆ ที่โรงเรียนสาธิตจุฬาฯ นำโดยอ้อ ศจีปภา จะทำพิธีทำบุญใหญ่ ให้แสบในวันที่ 19 มีนาคม 2562 ซึ่งลิซรับทราบและสนับสนุน ดิฉันติดต่อกับลิซอย่างต่อเนื่องทุกวันและได้คุยกันยาวในช่วงเที่ยงคืนวันศุกร์ที่ 15 มีนาคม 2562 (เวลาประเทศไทย)

เมื่อดิฉันได้รับข้อความจากลิซเรื่องการจากไปอย่างสงบของท่านทูตเมื่อวันเสาร์ที่ 16 มีนาคม 2562 แม้จะเป็นเรื่องที่ดิฉันและคุณส้มทำใจไว้แล้ว แต่เราสองคนก็ยังรู้สึกใจหายมาก เป็นความโศกเศร้าอย่างที่สุด ภาพต่างๆ ที่แสบและดิฉันอยู่ร่วมชั้นเรียนกันที่โรงเรียนสาธิตจุฬาฯ ในวัยเด็ก จนถึงงานฉลองวันเกิดคุณส้มอายุครบ 60 ปีที่กรุงเทพฯ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2561 ที่ท่านทูตแสบร้องเพลงฝรั่งเศสคู่กันกับคุณส้มอย่างสนุกสนานย้อนกลับมาสู่ความทรงจำของดิฉันเป็นระลอกเสมือนภาพยนตร์ที่ยังคงชัดเจนไม่ลืมเลือน น้ำตาดิฉันไหลโดยไม่รู้ตัว คุณส้มและดิฉันไม่เคยคิดเลยว่า การพบกันครั้งนั้นจะเป็นครั้งสุดท้าย

เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2562 ดิฉันไปราชการที่กรุงวอชิงตัน จึงมีโอกาสไปคารวะท่านทูตแสบเป็นครั้งสุดท้าย ดิฉันบอกเขาว่า ขอขอบคุณสำหรับมิตรภาพและขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้กับประเทศไทย ไม่มีใครลืมท่านทูตได้ ดิฉันขอน้อมคารวะจากหัวใจ

สำหรับดิฉัน ท่านทูตวีรชัยเป็นข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศที่ “ครบเครื่อง” เป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายระหว่างประเทศอย่างลึกซึ้ง มีความสามารถในการเจรจา “ความเมือง” ได้อย่างดีเยี่ยม เป็นข้าราชการที่มีความซื่อสัตย์สุจริต ในขณะเดียวกัน ก็เป็นผู้ที่รู้จักประเทศไทยทั้งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเป็นอย่างดี มีความแม่นยำและมีระเบียบปฏิบัติทางการทูตที่เป็นไปตามแบบแผน ประเพณี และมีความเป็นสากล นอกจากนั้น ยังมีความเป็นศิลปิน มีพรสวรรค์ด้านดนตรี และมีความชื่นชอบในกีฬา โดยเฉพาะมวย อันเป็นที่มาของชื่อเล่น “แสบ” ที่เจ้าตัวตั้งขึ้นเองตามชื่อนักมวยคนโปรด “แสบ” แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์

หากเคยร่วมงานกับท่านทูตจะทราบว่า ในเวลาทำงาน ท่านจะมีความมุ่งมั่น ทุ่มเท จริงจัง และต้องทำงานทุกชิ้นให้ดีที่สุด แต่เมื่ออยู่นอกเวลางาน จะเป็นคนละคน เพราะเป็นคนที่ตลก เฮฮา และไม่เคยเลิกนิสัยชอบแกล้งเพื่อนๆ รวมทั้งดิฉัน

ด้วยความรู้ความสามารถที่โดดเด่น ท่านทูตจึงมีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานอย่างรวดเร็วได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบภารกิจสำคัญของประเทศ อาทิ การร่วมอยู่ในทีมเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น และการเป็นหัวหน้าทีมทนายกฎหมายระหว่างประเทศของไทยในคดีประสาทพระวิหาร ซึ่งเป็นผลงานที่ทำให้ประชาชนไทยได้รู้จักท่านทูตมากยิ่งขึ้น จากผลงานที่เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง ในฐานะนักกฎหมายระหว่างประเทศ ท่านทูตจึงได้รับเชิญให้ร่วมอยู่ในคณะผู้พิจารณาภายใต้กลไกระงับข้อพิพาทภายใต้องค์การการค้าโลกอีกหลายคดี

ล่าสุดคือการที่รัฐบาลมอบหมายให้ท่านทูตเป็นหัวหน้าคณะเจรจาของไทยกับสหภาพยุโรปในการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม(ไอยูยู) สามารถนำทีมไทยหารือกับสหภาพยุโรปจนประสบผลสำเร็จ เมื่อสหภาพยุโรปประกาศปลดสถานะใบเหลืองของไทยในเดือนมกราคม 2562 ถือเป็นความสำเร็จอันงดงามอีกครั้งของท่านทูตในการรักษาผลประโยชน์ของชาติ

ยังจำได้ว่า เมื่อดิฉันแสดงความยินดีกับท่านทูตในเรื่องนี้ ท่านตอบว่า ความสำเร็จดังกล่าวไม่ใช่ผลงานของท่าน แต่มาจากความร่วมแรงร่วมใจและความทุ่มเทของทุกๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คำตอบนี้สะท้อนความเป็นตัวตนที่แท้จริง ของท่านทูตได้เป็นอย่างดี

การถึงแก่อนิจกรรมของเอกอัครราชทูตวีรชัย นับเป็นความสูญเสียครั้งสำคัญยิ่งของกระทรวงการต่างประเทศและประเทศไทย เป็นการสูญเสียข้าราชการที่ “ดีและเก่ง” ผู้ที่เป็นแบบอย่างและแรงบันดาลใจแก่ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ ดิฉันขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวพลาศรัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณอลิซเบธ พลาศรัย และขอให้คุณงามความดีที่ท่านทูตได้ทำไว้ ประกอบกับบุญกุศลทั้งปวงที่พวกเราได้บำเพ็ญอุทิศให้ จงเป็นกุศลหนุนนำให้ดวงวิญญาณของเอกอัครราชทูตวีรชัย พลาศรัย เพื่อนสนิทของดิฉัน ไปสู่สุคติในสัมปรายภพชั่วนิรันดร์

ด้วยความรักและอาลัยยิ่ง

จากดิฉันและโลร็องท์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image