สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าการประกาศมาตรการแข็งกร้าวด้วยการคว่ำบาตรบริษัทหัวเว่ย ยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมของจีน ไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบกับหัวเว่ย แต่ยังส่งผลกระทบกับบริษัทสหรัฐจำนวนมากที่ส่งชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่างๆ ให้กับหัวเว่ยด้วย
ทั้งนี้เมื่อปี 2561 ที่ผ่านมาบริษัทอเมริกันได้ขายชิ้นส่วนและส่วนประกอบต่างๆ ให้กับหัวเว่ยคิดเป็นมูลค่าถึง 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 352,000 ล้านบาท ก่อนที่บริษัทหัวเว่ยจะถูกขึ้นบัญชีดำเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ภายใต้ข้อกล่าวหาว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ ท่ามกลางสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ทวีความร้อนแรงมากขึ้น
ภายใต้คำสั่งผู้บริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ห้ามบริษัทของสหรัฐทำธุรกิจกับหัวเว่ยยังส่งผลกระทบต่อบริษัทผู้ผลิตฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของสหรัฐที่ขายส่วนประกอบให้กับหัวเว่ย เนื่องจากต้องมีการขอใบอนุญาตพิเศษจากรัฐบาลกลางสหรัฐเสียก่อน
เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ประกาศเลื่อนการบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อหัวเว่ยออกไปเป็นเวลา 90 วัน โดยให้เหตุผลว่าเป็นการเพิ่มเวลาเพื่อเปิดทางให้มีการอัพเดทซอฟต์แวร์รวมถึงการปฎิบัติตามความตกลงที่มีการเซ็นสัญญาไว้แล้ว
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่าได้ให้เวลากับหัวเว่ยให้สามารถเข้าถึงใบอนุญาตชั่วคราวได้จนถึงวันที่ 19 สิงหาคมนี้ เพื่อเปิดทางให้มีการทำธุรกรรมที่จำเป็นเพื่อรักษาและสนับสนุนการปฏิบัติการและการให้บริการในเครือข่ายที่มีอยู่ รวมถึงกับอุปกรณ์ต่างๆ อาทิ การอัพเดทซอฟท์แวร์และแพทช์ส ซึ่งเป็นไปตามความตกลงและข้อผูกมัดทางกฏหมายที่ได้มีการลงนามเอาไว้ก่อนวันที่ 16 พฤษภาคม