| ที่มา | มติชนรายวัน |
|---|---|
| ผู้เขียน | มนต์ทิพย์ ธานะสุข |
| เผยแพร่ |
วัยรุ่นสิงคโปร์ส่วนใหญ่สนับสนุนมาตรการลงโทษรุนแรงต่อนักโทษในคดียาเสพติด แต่สำหรับบทลงโทษหนักถึงขั้นประหารชีวิตนั้นในหมู่วัยรุ่นสิงคโปร์ให้การสนับสนุนบทลงโทษนี้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของคนสิงคโปร์ทั่วประเทศ
ผลสำรวจพบนี้มาจากการทำสำรวจความคิดเห็นชาวสิงคโปร์ของกระทรวงมหาดไทยสิงคโปร์ที่มีต่อการใช้บทลงโทษประหารชีวิตในประเทศในช่วงเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ซึ่งพบว่าชาวสิงคโปร์ในกลุ่มอายุระหว่าง 13-30 ปี มีร้อยละ 52.3 ที่เห็นว่าการประหารชีวิตเป็นบทลงโทษที่เหมาะสมสำหรับอาชญากรผู้กระทำผิดในคดีลักลอบขนยาเสพติดในปริมาณมาก ซึ่งเป็นสัดส่วนเห็นด้วยต่อบทลงโทษประหารชีวิตนี้ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของชาวสิงคโปร์ทั่วประเทศที่มีถึงร้อยละ 69.6 ที่สนับสนุนโทษประหาร และเมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่มีอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไปที่มีจำนวนมากถึงร้อยละ 74.6 ที่สนับสนุนโทษประหารชีวิต
ผลสำรวจยังพบว่ากลุ่มคนอายุ 13-30 ปี สนับสนุนบทลงโทษจำคุกหนัก เป็นสัดส่วนมากถึงร้อยละ 89.9 สนับสนุนการเฆี่ยนตีนักโทษในคดีค้ายาเสพติดร้อยละ 77.5 เมื่อเทียบกับชาวสิงคโปร์ทั่วไปที่มีร้อยละ 93 และร้อยละ 80.1 ที่สนับสนุนบทลงโทษจำคุกและโทษเฆี่ยนตีตามลำดับ
ขณะที่พบว่าชาวสิงคโปร์ส่วนมากมีความพอใจและมีความรู้สึกในแง่บวกต่อสถานการณ์ด้านยาเสพติดและกฎหมายปราบปรามยาเสพติดของสิงคโปร์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ โดยร้อยละ 80.5 บอกว่าเห็นด้วยหรือเห็นด้วยอย่างยิ่งว่าสถานการณ์ยาเสพติดในประเทศในขณะนี้อยู่ภายใต้การควบคุมได้ ร้อยละ 89 แสดงความเห็นด้วยในลักษณะเดียวกันว่ากฎหมายาเสพติดของสิงคโปร์มีประสิทธิผลดีในการทำให้ประเทศปลอดจากยาเสพติด
ผลสำรวจนี้ถือเป็นผลสำรวจแรกที่กระทรวงมหาดไทยจัดสำรวจความคิดเห็นชาวสิงคโปร์ที่มีต่อสถานการณ์ยาเสพติดภายในประเทศและการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามยาเสพติด ซึ่งเป็นการสำรวจความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่าง 2,000 คนที่เป็นพลเมืองชาวสิงคโปร์และผู้มีถิ่นพำนักถาวรในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งมีอายุตั้งแต่ 13 ปีขึ้น โดยทำสำรวจในช่วงเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ซึ่งการสำรวจครั้งนี้ยังสะท้อนอารมณ์ความรู้สึกของชาวสิงคโปร์ที่มีต่อกัญชาที่ขณะนี้ในหลายประเทศรวมถึงไทยกำลังพยายามทำให้ กัญชา เป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย เพื่อจะนำมาใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ เป็นต้น
ต่อประเด็นกัญชานั้นพบว่าชาวสิงคโปร์ส่วนใหญ่เห็นด้วยหรือเห็นด้วยอย่างยิ่งว่ากัญชาเป็นสิ่งเสพติด ซึ่งมีจำนวนมากถึงร้อยละ 82.4 ขณะที่ร้อยละ 80.2 เห็นว่ากัญชาเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และอีกร้อยละ 83.2 เห็นว่ากัญชามีผลกระทบเชิงลบต่อสังคม
ร้อยละ 87.1 ยังเห็นด้วยหรือเห็นด้วยอย่างยิ่งว่าควรจัดให้กัญชาเป็นสิ่งเสพติดผิดกฎหมายในประเทศสิงคโปร์ต่อไป
แต่หากแยกความคิดเห็นลึกลงไปพบว่า กลุ่มคนอายุ 13-30 ปีที่เห็นด้วยให้กัญชาเป็นสิ่งผิดกฎหมายต่อไป มีร้อยละ 79.9 ซึ่งน้อยกว่ากลุ่มคนสิงคโปร์สูงอายุที่สนับสนุนให้กัญชาเป็นสิ่งผิดกฎหมายต่อไปที่มีร้อยละ 89.2 ซึ่งกระทรวงมหาดไทยสิงคโปร์ชี้ว่าผลสำรวจที่พบนี้แสดงให้เห็นว่ากลุ่มคนหนุ่มสาวมีแนวคิดเสรีมากกว่าในประเด็นเรื่องยาเสพติด โดยเฉพาะกัญชา
กระทรวงมหาดไทยสิงคโปร์ระบุว่าการเลือกสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อกัญชาเป็นการเฉพาะเมื่อเทียบกับยาเสพติดชนิดอื่นๆ เช่น ยาบ้า หรือ เฮโรอีนว่าเนื่องจากตระหนักถึงอันตรายของกัญชา โดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่นที่ยังมีความตระหนักในเรื่องนี้น้อย การทำสำรวจความคิดเห็นจึงถือเป็นมาตรวัดได้อย่างดีต่อระดับความเข้าใจของประชาชนในเรื่องนี้
