สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า สหรัฐอเมริกาและเม็กซิโกสามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากันได้ในนาทีสุดท้ายเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน หลังการเจรจายาวนานถึง 11 ชั่วโมง ที่เม็กซิโกรับปากจะปราบปรามผู้อพยพจากชาติในอเมริกากลางที่จะหลั่งไหลเข้ามาในประเทศสหรัฐอย่างจริงจัง เป็นผลให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ยอมที่จะชะลอการบังคับใช้มาตรการทางภาษีต่อสินค้าเม็กซิโกที่นำเข้ามาในสหรัฐ ซึ่งเดิมจะมีผลในวันที่ 10 มิถุนายนนี้ออกไปโดยไม่มีกำหนด
ก่อนหน้านี้ทรัมป์ขู่ว่าสหรัฐจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกในอัตรา 5 เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายนี้เป็นต้นไป ก่อนที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้งสองประเทศจะสามารถบรรลุความเห็นพ้องในข้อตกลงการค้าระหว่างกันได้หลังการเจรจาอย่างเคร่งเครียดเป็นเวลา 3 วัน ที่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐในกรุงวอชิงตัน
ภายใต้ข้อตกลงนี้เม็กซิโกตกลงที่จะดำเนินนมาตรการควบคุมและปราบปรามผู้อพยพและเครือข่ายค้ามนุษย์อย่างจริงจัง รวมถึงการขยายนโยบายในการรับผู้อพยพหนีภัยความรุนแรงจากประเทศกัวเตมาลา ฮอนดูรัส และเอลซัลวาดอร์ที่กำลังอยู่ในกระบวนการยื่นขอลี้ภัยในประเทศสหรัฐกลับมา และเม็กซิโกยังจะส่งกองกำลังลาดตระเวนมากถึง 6,000 นายคอยรักษาการตามแนวชายแดน โดยเฉพาะพื้นชายแดนตอนใต้ของเม็กซิโกติดกับกัวเตมาลาที่เป็นจุดที่มีผู้อพยพหนีข้ามแดนเข้ามาเพื่อจะเดินทางเพื่อไปลี้ภัยต่อในสหรัฐ ส่วนสหรัฐตกลงที่จะขยายโครงการส่งกลับผู้อพยพลี้ภัยไปยังเม็กซิโกและทั้งสองประเทศยังให้คำมั่นที่จะส่งเสริมความร่วมมือด้านความมั่นคงแนวชายแดนระหว่างกันด้วย
ประธานาธิบดีทรัมป์ทวีตถึงการบรรลุข้อตกลงนี้ว่า ตนยินดีที่จะแจ้งให้ทราบว่าสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงกับเม็กซิโกแล้ว ดังนั้นมาตรการทางภาษีที่กำหนดจะให้มีผลในวันจันทร์ที่ 10 มิถุนายนนี้ของสหรัฐจะถูกระงับไปอย่างไม่มีกำหนด และว่า เม็กซิโกตกลงที่จะดำเนินมาตรการอย่างแข็งขันในการจัดการกับการอพยพผ่านประเทศเม็กซิโกและชายแดนตอนใต้ของสหรัฐ เพื่อลดหรือขจัดการอพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายจากเม็กซิโกมายังสหรัฐ
ด้านประธานาธิบดีอันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ ของเม็กซิโก ได้ทวีตข้อความแสดงความขอบคุณประชาชนที่ให้การสนับสนุนจนทำให้เม็กซิโกสามารถหลีกเลี่ยงการถูกตั้งกำแพงภาษีสินค้าส่งออกไปยังสหรัฐได้
ทั้งนี้ ทรัมป์ซึ่งชูนโยบายต่อต้านผู้อพยพมาตั้งแต่การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ได้ประกาศจะดำเนินมาตรการทางภาษีตอบโต้สูงถึง 25 เปอร์เซ็นต์ต่อสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกซึ่งมีมูลถึง 350,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี เว้นแต่เม็กซิโกจะจัดการกับปัญหาผู้อพยพเข้ามายังสหรัฐอย่างจริงจัง (เอเอฟพี)