ไทยนั่ง ‘คณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมยูเอ็น’ คว้าคะแนนที่ 1 กลุ่มเอเชีย

น.ส.บุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า เมื่อวันที่ 14 มิถุนายนตามเวลาในสหรัฐอเมริกา ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ประเทศไทยได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกคณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ (Economic and Social Council : อีโคซอค) วาระปี ค.ศ. 2020-2022 ในนามกลุ่มประเทศเอเชีย-แปซิฟิก ร่วมกับจีน เกาหลีใต้ และบังกลาเทศ ซึ่งประเทศไทยได้รับคะแนนเสียง 186 คะแนน ถือเป็นที่หนึ่งในกลุ่มเอเชีย-แปซิฟิก
ด้านนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเดินทางไปเข้าร่วมในการเลือกตั้งครั้งนี้กล่าวว่า การได้รับเลือกให้ไปนั่งอีโคซอคโดยได้รับคะแนนสูงสุดของไทยในครั้งนีเถือเป็นอีกโอกาสหนึ่งที่ไทยจะได้เข้าไปแสดงบทบาทในเวทีสหประชาชาติ(ยูเอ็น) ซึ่งจะช่วยให้ไทยสานต่อภารกิจเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืนได้อย่างสมบูรณ์แบบมากขึ้นหลังจากที่เราเคยนั่งเป็นประธานกลุ่ม 77 เมื่อ 3 ปีที่แล้ว และทำให้เกิดประโยชน์กับสมาชิก 134 ประเทศของกลุ่ม 77 ในปัจจุบัน แต่ภายใต้หมวกใบใหม่ของอีโคซอคไทยจะสามารถทำประโยชน์ให้กับสมาชิกยูเอ็นทั้ง 193 ประเทศได้ ไม่เพียง แต่ในเรื่องการพัฒนาเที่ยงยืนแต่ยังทำให้ไทยสามารถขับเคลื่อนเป้าหมายในการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษของยูเอ็น(เอสอีพีฟอร์เอสดีจีส์) ที่ถือเป็นเสาหลักสำคัญในงานของยูเอ็นมากยิ่งขึ้น
“บทบาทใหม่นี้จะช่วยส่งเสริมฐานะของไทยในฐานะประเทศที่มีพลังงานละมุน(ซอฟพาวเว่อร์) ที่จะเอื้อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนได้ทั่วหน้าตามนโยบายของรัฐบาลที่จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และการมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง”นายดอนกล่าว และว่า ต้องถือว่าข้าราชการของกระทรวงการต่างประเทศทั้งที่คณะผู้แทนถาวรไทยประจำยูเอ็นในนิวยอร์กรวมถึงที่กระทรวงการต่างประเทศได้ทำหน้าที่เสร็จสมบูรณ์ตามเป้าหมายทุกประการ
น.ส.บุษฎีกล่าวว่า ประเทศไทยเว้นจากการเป็นสมาชิกอีโคซอคมาถึง 12 ปี หลังจากที่ไทยเป็นสมาชิกครั้งสุดท้ายเมื่อวาระ ค.ศ. 2005-2007 และการลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยที่จะขับเคลื่อนประเด็นการพัฒนาอย่างยั่งยืนอย่างจริงจังทั้งในระดับประเทศและระดับโลก
น.ส.บุษฎีกล่าวด้วยว่า อีโคซอคเป็น 1 ใน 6 องค์กรหลักของยูเอ็น มีภารกิจหลักในการเสนอและทบทวนนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งเสริมให้นานาประเทศร่วมบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (เอสดีจีส์) ค.ศ. 2030 การได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกอีโคซอคซึ่งมีสมาชิกจากภูมิภาคต่างๆ ของโลกทั้งสิ้น 54 ประเทศ  เป็นโอกาสให้ไทยสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมและบทบาทมากยิ่งขึ้นในการเสนอแนะนโยบายและแนวทางเพื่อผลักดันให้อีโคซอคเป็นเวทีระหว่างประเทศที่สามารถส่งเสริมหุ้นส่วนความร่วมมือระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังอย่างแท้จริง นอกจากนี้ไทยยังสามารถแบ่งปันแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศและประสบการณ์ของไทยในด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่มีหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทาง
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า ที่ผ่านมาในระหว่างที่ไทยไม่ได้เป็นสมาชิกอีโคซอคไทยก็มีบทบาทที่สร้างสรรค์ในด้านการพัฒนามาโดยตลอด เช่น ในด้านสุขภาพโดยการส่งเสริมหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ในด้านสังคมโดยการริเริ่มหลักการกรุงเทพ  ซึ่งป้องกันและลดความเสี่ยงการเกิดปัญหาสุขภาพอันเนื่องมาจากภัยพิบัติ และการผลักดันข้อกำหนดกรุงเทพให้เป็นแนวปฏิบัติของยูเอ็นในการยกระดับมาตรฐานการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิง และการส่งเสริมความร่วมมือใต้-ใต้ ส่งผลให้ประเทศไทยมีมาตรฐานและความก้าวหน้าในการพัฒนาอย่างยั่งยืน และเป็นที่ประจักษ์ในเวทีสากล
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image