เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานว่า นายเหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งบริษัทหัวเว่ย ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของจีน กล่าวยอมรับว่ายอดขายโทรศัพท์สมาร์ทโฟนทั่วโลกของหัวเว่ยในปีนี้ได้ลดลงไปแล้วถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ท่ามกลางการเผชิญหน้ากับมาตรการคว่ำบาตรทางการค้าจากสหรัฐอเมริกาที่กล่าวหาว่าหัวเว่ยเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของสหรัฐ ขณะที่ผู้ก่อตั้งหัวเว่ยยังคาดการณ์ว่ายอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของหัวเว่ยในปีนี้และปีหน้าจะตกลงไปอยู่ที่ประมาณ 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยคาดหมายว่าธุรกิจของหัวเว่ยจะกลับมาฟื้นตัวได้ในปีค.ศ.2021
การเปิดเผยสถานะทางธุรกิจของนายเหรินมีขึ้นในระหว่างการพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีชาวอเมริกัน 2 รายคือนายจอร์จ กิลเดอร์ และนายนิโคลัส เนโกรปอนเต ที่สำนักงานใหญ่ของหัวเว่ยในนครเสิ่นเจิ้น ที่นายเหรินยังเปิดเผยอีกว่าหัวเว่ยจะปรับลดกำลังการผลิตของบริษัทในปีค.ศ.2019-20 ลงอยู่ที่ 30,000 ล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ในปีที่แล้วหัวเว่ยมีรายได้อยู่ที่ 721,200 ล้านหยวน หรือราว 104,160 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้านี้ 19.5 เปอร์เซ็นต์ โดยนายเหรินคาดหมายว่าบริษัทหัวเว่ยจะมีรายได้ฟื้นตัวกลับมาในระดับนี้ได้ในราวปี 2021 แม้จะเผชิญมาตรการตอบโต้จากสหรัฐ อย่างไรก็ตามผู้ก่อตั้งบริษัทหัวเว่ยย้ำว่าหัวเว่ยจะไม่ยอมลดงบประมาณสนับสนุนในงานด้านการวิจัยและพัฒนา(อาร์แอนด์ดี)ของหัวเว่ยอย่างแน่นอน แม้จะได้รับผลกระทบต่อสถานะทางการเงินก็ตาม
