สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า จำนวนเด็กที่เสียชีวิตเนื่องจากไข้สมองอักเสบเฉียบพลัน (เออีเอส) ในรัฐพิหารของอินเดีย ได้เพิ่มสูงขึ้นเกินกว่า 150 รายแล้ว เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ขณะที่ศาลสูงของอินเดียได้สั่งให้มีการสอบสวนวิกฤตโรคร้ายที่เกิดขึ้น พร้อมกับเรียกร้องให้รัฐบาลอธิบายว่ามีมาตรการอะไรในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรคไข้สมองอักเสบเฉียบพลันที่เกิดขึ้นเนื่องจากการกินลิ้นจี่ที่ไม่สุก
ทั้งนี้ ทางการอินเดียระบุว่า มีเด็กเสียชีวิตเนื่องจากโรคไข้สมองอักเสบในรัฐพิหารแล้ว 152 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิตที่โรงพยาบาล 2 แห่งในเมืองมูซาฟฟาร์ปุระ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการแพร่ระบาดของโรค คือที่โรงพยาบาลศรีกฤษณะ โรงพยาบาลของรัฐบาล 111 คน และอีก 20 คน เสียชีวิตที่โรงพยาบาลเกจริวัล ซึ่งเป็นโรงพยาบาลของกองทุนเอกชน
ข่าวระบุว่า หัวหน้าผู้พิพากษาของมูซาฟฟาร์ปุระ ได้สั่งให้มีการสอบสวนถึงความเป็นไปได้ของการละเลยของนายฮาร์ช วาร์ดฮัน รัฐมนตรีสาธารณสุขของรัฐบาลกลาง รวมทั้งรัฐมนตรีสาธารณสุขของรัฐพิหาร
ส่วนที่กรุงนิวเดลี ศาลสูงได้สั่งให้รัฐบาลของรัฐพิหารรายงานเกี่ยวกับเรื่องสภาพของสถานพยาบาล สารอาหาร สุขอนามัย และความสะอาดของรัฐ ขณะที่ทนายความของรัฐบาลพิหารแจ้งกับศาลว่าสามารถควบคุมวิกฤตดังกล่าวเอาไว้ได้แล้ว
ทั้งนี้ รายงานระบุว่า โรคเออีเอส เป็นโรคที่สมองเกิดการอักเสบ และจะส่งผลส่วนใหญ่กับเด็กที่ขาดสารอาหารที่อายุไม่ถึง 10 ปี ซึ่งสาเหตุยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่มีผู้เชี่ยวชาญระบุว่า สารพิษในลิ้นจี่ที่ยังไม่สุกที่มีอยู่มากในเมืองมูซาฟฟาร์ปุระ จะไปส่งผลทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดต่ำลงในเด็กที่อยู่ในภาวะขาดสารอาหารและส่งผลกระทบต่อสมอง
โดยอาการของเด็กที่ป่วยจะรวมถึงการมีไข้สูง อาเจียนและเป็นลม ซึ่งผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การตายของเด็กเหล่านี้สามารถหลีกเลี่ยงได้หากผู้คนมีความรู้และเข้าถึงสาธารณสุขที่ดีและได้รับสารอาหารที่ดีต่อร่างกาย
