นายโรดริโก ดูแตร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์คนใหม่ระบุในการแถลงข่าวอันดุเดือด เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา ว่านักข่าวทุจริตสมควรแล้วที่จะตกเป็นเป้าของการลอบสังหาร
ดูแตร์เต ผู้ซึ่งชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายจากการประกาศนโยบายปราบปรามอาชญากรรมอย่างเข้มงวด ระบุระหว่างการแถลงข่าวประกาศคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ในวันเดียวกันว่า ผู้สื่อข่าวที่รับสินบนและมีส่วนร่วมในการทุจริตนั้นสมควรตาย
“เพียงเพราะคุณเป็นนักข่าวคุณไม่ได้รับยกเว้นจากการลอบสังหารหรอกหากคุณเป็นลูกโสเภณี” ดูแตร์เตระบุหลังนักข่าวถามคำถามว่า จะจัดการกับปัญหาการสังหารสื่อมวลชนอย่างไร หลังเมื่อสัปดาห์ก่อนมีผู้สื่อข่าวถูกยิงเสียชีวิตในกรุงมะนิลา
ดูแตร์เตระบุต่อว่า “เอาตรงๆ นะ นักข่าวส่วนใหญ่ที่ถูกฆ่าต้องทำอะไรบางอย่าง คุณจะไม่ถูกฆ่าหากคุณไม่ได้ทำอะไรผิด” โดยดูแตร์เตเสริมว่านักข่าวส่วนใหญ่ในฟิลิปปินส์นั้นทุจริต
นอกจากนี้ ดูแตร์เตยังระบุด้วยว่า เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นที่ระบุในรัฐธรรมนูญนั้น ไม่จำเป็นต้องปกป้องคนที่โหมกระพือความวุ่นวายด้วยการใส่ร้ายป้ายสี โดยดูแตร์เต ยกตัวอย่างดคีของ จุน ปาลา นักข่าวและนักการเมืองที่เป็นผู้นำในการวิพากษ์วิจารณ์ดูแตร์เต ผู้ถูกลอบสังหารเมื่อปี 2546 ในคดีซึ่งยังไม่มีต้องรับโทษ
“หากคุณเป็นนักข่าวที่ซื่อตรง จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับคุณ” ดูแตร์เต อดีตนายกเทศมนตรีเมืองดาเวายาวนานเกือบ 20 ปี ที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารด้วยศาลเตี้ย ระบุ และว่า “ปาลา เป็นตัวอย่าง ผมไม่ต้องการดูหมิ่นความทรงจำของเขา แต่เขามันเป็นลูกโสเภณีเน่าๆ เขาสมควรตาย” ดูแตร์เตระบุ
รายงานข่าวระบุว่า ประเทศฟิลิปปินส์เป็นหนึ่งในประเทศที่อันตรายที่สุดสำหรับนักข่าว ปัจจุบันมีนักข่าวถูกฆาตกรรมแล้ว 174 ราย นับตั้งแต่สิ้นสุดยุคผู้นำเผด็จการเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส เมื่อ 30 ปีก่อน
ทั้งนี้ ในวันเดียวกัน ดูแตร์เตประกาศท่าทีของฟิลิปปินส์ที่มีต่อสหรัฐหลังนักข่าวถามถึงความเป็นไปได้ในการผลักดันการพูดคุยทวิภาคีระหว่างฟิลิปปินส์และจีน โดยระบุว่าฟิลิปปินส์จะไม่พึ่งพิงสหรัฐอเมริกา พันธมิตรด้านความมั่นคงที่มีต่อกันมาอย่างยาวนานอีกต่อไป แต่ฟิลิปปินส์จะดำเนินการในเส้นทางของตัวเอง ที่จะเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของชาวฟิลิปปินส์
