‘ทรัมป์-คิม’ พบกันรอบ 3 ตกลงที่จะฟื้นการเจรจานิวเคลียร์รอบใหม่
สำนักข่าวเอพี เอเอฟพี และรอยเตอร์ รายงานว่า เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา สร้างประวัติศาสตร์ทางการทูตขึ้นมาใหม่อีกครั้งด้วยการเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนแรกที่เดินทางเข้าสู่ดินแดนของเกาหลีเหนือ หลังจากทรัมป์ทวีตข้อความเมื่อคืนวันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมาหลังเสร็จภารกิจร่วมประชุมจี 20 ที่ญี่ปุ่น เชื้อเชิญนายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือให้เดินทางมาพบ จับมือ และ “แค่สวัสดีทักทายกัน” ในพื้นที่เขตปลอดทหารบริเวณหมู่บ้านปันมุนจอม
ทั้งนี้ทรัมป์เดินทางมาถึงหมู่บ้านปันมุนจอม พร้อมนาย มุน แจ อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้นำชมจุดสำคัญๆ ภายในบริเวณเขตปลอดทหารส่วนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเกาหลีใต้ รวมทั้งจุดสังเกตการณ์ดินแดนเกาหลีเหนือ ซึ่งผู้นำสหรัฐอเมริกาใช้เวลาในการส่องกล้องสำรวจดูภายในเกาหลีเหนืออยู่ชั่้วขณะ ก่อนพบปะกับบรรดาทหารที่ประจำการอยู่ที่ปันมุนจอม ซึ่งมีทั้งทหารเกาหลีใต้และทหารอเมริกัน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกากล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า พื้นที่ตามแนวเขตปลอดทหารเคยเป็นอันตรายอย่างยิ่ง แต่หมดไปหลังจากการเจรจาสุดยอดครั้งแรกระหว่างตนกับนายคิม
การพบกันระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกากับผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นครั้งที่ 3 มีขึ้นเมื่อเวลา 15.50 น.ตามเวลาท้องถิ่น ผู้นำทั้งสองจับมือทักทายกันบริเวณแนวเส้นแบ่งเขตเพื่อให้ถ่ายภาพ หลังจากนั้น ก็เดินเคียงคู่นายคิมเข้าไปในดินแดนของเกาหลีเหนือชั่วขณะ ก่อนที่จะเดินกลับเข้ามายังพื้นที่เขตปลอดทหารด้วยกัน ผู้นำสหรัฐกล่าวตนรู้สึกเป็นเกียรติใหญ่หลวงยิ่งที่ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนแรกที่ข้ามเขตปลอดทหารเข้าไปยังดินแดนเกาหลีเหนือ
ด้านนายคิม จอง อึน กล่าวแสดงความชื่นชมต่อความสัมพันธ์ “อันน่าอัศจรรย์” กับผู้นำสหรัฐอเมริกา ซึ่งเชื่อว่าจะอำนวยให้ปรปักษ์ที่ยาวนานทั้งสองชาติสามารถก้าวข้ามอุปสรรคทั้งหลายที่ขวางทางเอาไว้ได้
หลังเสร็จสิ้นการพูดคุยเป็นการส่วนตัวประมาณเกือบ 1 ชั่วโมง ทรัมป์ได้เดินทางกลับออกจากเขตปลอดทหาร และเปิดเผยว่า การพูดคุยกันเป็นไปด้วยดี และทั้งสองฝ่ายจะจัดตั้งทีมเพื่อเดินหน้าการเจรจาที่หยุดชะงักลง เพื่อให้เกาหลีเหนือยกเลิกโครงการนิวเคลียร์
ข่าวระบุว่า หลังจากที่การเจรจาเพื่อปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือยังชะงักงัน และนายมุน แจ อิน พยายามอย่างหนักเพื่อรื้อฟื้นการเจรจาขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ยังให้ความเห็นอีกว่าการตัดสินใจเยือนเขตปลอดทหารกะทันหันครั้งนี้ ถือเป็นการตัดสินใจที่้กล้าหาญของประธานาธิบดีทรัมป์ซึ่งเป็นคนสำคัญในการนำสันติภาพมาสู่คาบสมุทรเกาหลี
โดยทรัมป์และคิม พบกันครั้งแรกที่สิงคโปร์ เมื่อเดือนมิถุนายนปีก่อน และตกลงที่จะยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ รวมถึงจะทำงานเพื่อปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี ก่อนที่ผู้นำทั้งสองจะพบกันอีกครั้งที่ประเทศเวียดนาม เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ แต่ล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า เนื่องจากสหรัฐเรียกร้องให้เกาหลีเหนือยกเลิกโครงการอาวุธนิวเคลียร์ ส่วนเกาหลีเหนือเรียกร้องให้สหรัฐผ่อนคลายการคว่ำบาตรต่อเกาหลีเหนือ
