ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น ขณะตลาดวิตกปัญหาอิหร่าน

REUTERS/Vasily Fedosenko/File Photo

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปรับขึ้นในวันอังคาร (9 ก.ค.) โดยได้รับแรงหนุนจากความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลาง และจากมาตรการปรับลดการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) โดยปัจจัยเหล่านี้ช่วยหนุนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ให้อยู่เหนือ 64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันขยับขึ้นได้เพียงเล็กน้อย เนื่องจากราคาน้ำมันได้รับแรงกดดันจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลลบต่อเศรษฐกิจโลกและอุปสงค์น้ำมัน

ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือน ส.ค.ปรับขึ้น 17 เซนต์ มาปิดตลาดที่ 57.83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดกรุงลอนดอนปรับขึ้น 5 เซนต์ สู่ 64.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้นมาแล้วเกือบ 20% จากช่วงต้นปี 2019

ราคาน้ำมันได้รับแรงหนุน หลังจากเจ้าหน้าที่ทางการทหารของอิหร่านกล่าวว่า การที่อังกฤษยึดเรือขนส่งน้ำมันของอิหร่านในสัปดาห์ที่แล้วนอกชายฝั่งยิบรอลตาร์ จะได้รับการตอบโต้ ทางด้านสหภาพยุโรป (อียู) ระบุในวันอังคารว่า อิหร่านควรจะยุติการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียม ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ทำไว้ในปี 2015

สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยรายงานคาดการณ์รายเดือนในวันอังคาร โดยคาดว่าอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกอาจเพิ่มขึ้นเพียง 1.07 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2019 โดยปรับลดลง 150,000 บาร์เรลต่อวันจากตัวเลขคาดการณ์ครั้งก่อน นอกจากนี้ EIA ยังคาดว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐอาจจะขึ้นไปทำสถิติสูงสุดที่ 12.36 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2019 โดยปรับขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ 12.32 ล้านบาร์เรลต่อวัน

Advertisement

หลังจากตลาด NYMEX ปิดทำการในวันอังคาร การปิโตรเลียมสหรัฐ (API) ซึ่งเป็นหน่วยงานของเอกชน ได้เปิดเผยตัวเลขสต๊อกน้ำมันสหรัฐประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 5 ก.ค. โดยระบุว่า สต๊อกน้ำมันดิบดิ่งลง 8.1 ล้านบาร์เรล สู่ 461.4 ล้านบาร์เรล

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image