ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจเทคโนโลยีระบุเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่า ปัญหาความขัดแย้งทางการทูตระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ กรณีญี่ปุ่นใช้แรงงานบังคับในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ล่าสุดส่งผลให้ทางการญี่ปุ่นประกาศตั้งเงื่อนไขในการส่งออกเคมี 3 ชนิดที่จำเป็นในการผลิตชิปและชิ้นส่วนในอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนไปยังเกาหลีใต้ อาจส่งผลกระทบกับตลาดเทคโนโลยีในระดับโลก
นักวิเคราะห์ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญในวงการอุตสาหกรรมผลิตชิป ระบุตรงกันว่า การที่ญี่ปุ่นเพิ่มขั้นตอนยุ่งยากต่อผู้นำเข้าเคมีจากเกาหลีใต้ จะส่งผลให้การผลิตลดลง ราคาของชิปจะเพิ่มขึ้นและจะส่งผลให้สินค้าที่ใช้ชิปเหล่านี้มีราคาเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว นอกจากนี้ยังส่งผลให้เกิดความกังวลว่าโทคโนโลยี 5จี รวมไปถึงสินค้าที่มีหน้าจอพับได้ออกสู่ตลาดได้ช้าลง โดยท่าทีแข็งกร้าวของญี่ปุ่นที่ยืนยันจะไม่เจรจานั้นจะส่งผลโดยตรงกับบริษัทซัมซุง และเอสเค ไฮนิกซ์ ของเกาหลีใต้ สองบริษัทที่มีสัดส่วนตลาด 2 ใน 3 ของตลาดชิปทั้งหมดของโลก นอกจากนี้จะส่งผลต่อเนื่องไปยังบริษัทแอปเปิล หัวเว่ย และอเมซอน ที่ซื้อชิปจากเกาหลีใต้อีกทอดหนึ่ง และนำไปสู่ภาวะถดถอยของอุตสาหกรรมโทคโนโลยีของโลก
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมานายมุน แจ อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ กล่าวถึงสถานการณ์ดังกล่าวว่าเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และเตือนผู้นำภาคธุรกิจในประเทศให้เตรียมพร้อมรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
