อิหร่านฮึ่ม! ส่งเรือติดอาวุธหวังยึดเรือน้ำมันอังกฤษ เจอเรือรบคุ้มกันหันปืนจ่อจนต้องล่าถอย
สถานการณ์ตึงเครียดบริเวณน่านน้ำของกลุ่มประเทศอาหรับเขม็งเกลียวขึ้นอีกครั้ง โดยล่าสุดสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นของสหรัฐอเมริกา เปิดเผยรายงานข่าวเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมระบุว่าเกิดเหตุเรือติดอาวุธสัญชาติอิหร่านหลายลำพยายามยึดเรือบรรทุกน้ำมันของอังกฤษ ขณะกำลังล่องข้ามช่องแคบฮอร์มุซ ที่เชื่อมอ่าวเปอร์เซียและอ่าวโอมานเข้าไว้ด้วยกัน อย่างไรก็ตาม กองเรือราชนาวีแห่งอังกฤษซึ่งคุ้มกันเรือบรรทุกน้ำมัน ได้ขับไล่เรือสัญชาติอิหร่านดังกล่าวจนล่าถอยไปได้สำเร็จ
รายงานระบุว่า เรือติดอาวุธสัญชาติอิหร่าน มีคำสั่งให้เรือบรรทุกน้ำมัน “บริติชเฮอริเทจ” เปลี่ยนเส้นทางเดินเรือ เพื่อไปจอดในน่านน้ำของประเทศอิหร่าน ที่อยู่ตอนเหนือของช่องแคบฮอร์มุซ อย่างไรก็ตาม เรือรบ “เอชเอ็มเอช มอนทรอส” ของกองทัพเรืออังกฤษซึ่งทำหน้าที่คุ้มกันเรือบรรทุกน้ำมัน หันปืนเข้าใส่เรือสัญชาติอิหร่านให้ล่าถอยไป
การเผชิญหน้ากันดังกล่าวมีขึ้นหลังนายฮัสซัน รูฮานี ประธานาธิบดีอิหร่าน เคยขู่รัฐบาลอังกฤษเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า อังกฤษจะต้องเผชิญกับ “ผลลัพท์จากการกระทำ” หลังจากเรือบรรทุกน้ำมันอิหร่านถูกทางการยิบรอลตาร์ ดินแดนปกครองของอังกฤษ ตอนใต้ของสเปน ตรวจยึดเรือบรรทุกน้ำมัน “เกรซ1” เอาไว้เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา ด้วยข้อสงสัยว่าเรือบรรทุกน้ำมันอิหร่านจะมุ่งหน้าไปยังซีเรีย ซึ่งถือเป็นการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรป ข้อกล่าวหาซึ่งรัฐบาลอิหร่านปฏิเสธ โดยระบุว่าเรือ “มุ่งหน้าไปที่อื่น”
วันเดียวกัน โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ออกมาเตือนรัฐบาลอิหร่าน ผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า สหรัฐจะมีมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านเพิ่มขึ้นอีกมากในเร็วๆนี้ วันเดียวกันกับที่อิหร่านพยายามยึดเรือบรรทุกน้ำมันของอังกฤษ
ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลอิหร่าน ไม่พอใจชาติในยุโรปที่อิหร่านรู้สึกว่านิ่งเฉยในกรณีของข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ชาติมหาอำนาจลงนามไว้เมื่อปี 2015 เพื่อให้อิหร่านควบคุมโครงการนิวเคลียร์ของตนเพื่อแลกกับการผ่อนคลายการคว่ำบาตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากสหรัฐถอนตัวออกจากข้อตกลงดังกล่าวเมื่อกว่า 1 ปีก่อน ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านและสหรัฐเองก็ย่ำแย่ลงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเมื่อสหรัฐกล่าวหาอิหร่านว่าอยู่เบื้องหลังการโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันหลายครั้ง รวมไปถึงกรณีที่สหรัฐกล่าวหาว่าอิหร่านยิงโดรนของสหรัฐตกด้วย (เอเอฟพี)
