เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่กระทรวงหลังรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอีกครั้ง โดยถือฤกษ์เวลา 09.09 น. จากนั้นได้มีการถ่ายภาพหมู่กับผู้บริหารกระทรวง
นายดอนให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ประเด็นสำคัญคือการทำหน้าที่ประธานอาเซียนของไทยซึ่งขณะนี้ถือว่ามาได้ครึ่งทางแล้ว โดยในช่วงปลายเดือนกรกฎาถึงต้นสิงหาคมจะแต่มีการประชุมมนตรีต่างประเทศอาเซียนและการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะมีรัฐมนตรีต่างประเทศมาเข้าร่วมมากกว่า 28 ประเทศ และมีการประชุมเกิดขึ้นไม่น้อยกว่า 24 การประชุม ยังไม่พูดถึงการหารือทวิภาคีที่จะเกิดขึ้นระหว่างการประชุมอีกด้วย โดยจะมีเอกสารเป็นผลลัพธ์ของการประชุมทั้งหมด 19 ฉบับ นอกจากเรื่องที่จะต้องดำเนินการต่อเนื่องจากการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 34 แล้วยังต้องมีการสานต่อประเด็นที่ได้มีการพูดคุยกันในที่ประชุมจี 20 ที่ญี่ปุ่น เพราะการประชุมครั้งนี้ถือเป็นการประชุมเพื่อเตรียมการสำหรับการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 ในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งจะมีผู้นำจากประเทศคู่เจรจาจำนวนมากเดินทางมาร่วมประชุมในประเทศไทยอีกด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่านโยบายด้านต่างประเทศของรัฐบาลใหม่ให้ความสำคัญกับอะไรเป็นหลัก นายดอนกล่าวว่า นโยบายต่างประเทศของไทยยังคงยึดหลัก 5เอส ประกอบด้วย 1.ความมั่นคง 2.ความยั่งยืน 3.การยกระดับมาตรฐานไปสู่สากล 4.การยกระดับสถานภาพของประเทศไทยในทุกเวที และ5.การบูรณาการการทำงานจากทุกภาคส่วนเข้าด้วยกัน
นายดอนกล่าวว่า การดำเนินนโยบายดังกล่าวจะครอบคลุมทั้งด้านการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อมแบบเชิงรุก ที่จะเน้นผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก นอกจากนี้ยังต้องปรับปรุงนโยบายการต่างประเทศให้สอดรับกับยุคดิจิตอล รวมไปถึงให้ความสำคัญกับงานด้านกงสุลที่จะเน้นดูแลเรื่องแรงงานและคนไทยในต่างประเทศที่มีกว่า 1.5 ล้านคน รวมถึงอำนวยความสะดวกโดยเฉพาะเรื่องการเพิ่มอำนาจให้กับหนังสือเดินทาง เพื่อให้คนไทยสามารถเดินทางไปต่างประเทศได้สะดวกมากขึ้น
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวด้วยว่า นโยบายต่างประเทศของไทยยังมุ่งเน้นในเชิงสร้างสรรค์และเป็นประโยชน์สำหรับทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เราเป็นประธานอาเซียน เราต้องการการสร้างความสงบสุขและการพัฒนาซึ่งไม่ได้จำกัดวงเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ยังมีวิวัฒนาการไปจนถึงอินโด-แปซิฟิก
“การดำเนินการส่วนใหญ่เป็นการสานต่อนโยบายที่ทำมาแล้ว และต่อยอดอีกหลายๆ เรื่อง รวมถึงยังมีการริเริ่มเรื่องใหม่ๆ พร้อมกับปรับตัวเพื่อตอบสนองกระแสในโลกยุคปัจจุบันที่ทุกอย่างทุกเรื่องราวทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศมีความเชื่อมโยงกัน”นายดอนกล่าว
เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีได้ฝากอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ นายดอนกล่าวว่า ที่มีการพูดคุยกันมากคือการทำหน้าที่ประธานอาเซียนของไทยให้สัมฤทธิ์ผลเป็นไปตามเป้าหมาย นอกจากนี้สิ่งที่รัฐบาลปัจจุบันให้ความสำคัญเรื่องเศรษฐกิจ เพราะภาพใหญ่ของรัฐบาลคือการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน อย่างไรก็ดีงานด้านต่างประเทศนั้นมีความเชื่อมโยงกับงานภายในประเทศ อาทิ การติดต่อค้าขาย หากบ้านเมืองมีความสงบสุขและเป็นไปอย่างเรียบร้อยปราศจากปัญหา ก็จะเป็นปัจจัยชักนำการลงทุนและการค้าจากภายนอกรวมถึงนักท่องเที่ยวให้เข้ามามากขึ้น สิ่งเหล่านี้มีความเชื่อมโยงกันอย่างชัดเจน ดังนั้นภารกิจของกระทรวงการต่างประเทศจะเข้ามาเสริมในทุกๆ ด้าน
