ฉันชื่อ คาริม รัสลัน และฉันเป็นนักเล่าเรื่อง ฉันใช้เวลามากกว่า 20 ปี ท่องเที่ยวและเขียนเกี่ยวกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเพื่อนบ้าน ชื่อคอลัมน์ของฉันคือ “เซริทาลาห์” (Ceritalah) ซึ่งเป็นคำที่มาจากภาษาสันสกฤตที่แปลว่า “เล่าเรื่องให้ฉันฟังสิ” ฉันเชื่ออย่างแรงกล้าว่าการทำความเข้าใจเรื่องต่าง ๆ ให้ถ่องแท้เป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากที่จะช่วยให้เราเข้าใจความรู้สึกที่แท้จริงในเรื่องการเมือง สังคม และธุรกิจ คอมลัมน์นี้พยายามที่จะแบ่งปันเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับผู้คน สถานที่ รวมถึงประเด็นต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเรา
สัปดาห์นี้ฉันอยากที่จะเริ่มต้นด้วยเรื่องราวชีวิตของชายผู้หนึ่งที่โดดเด่นเป็นอย่างยิ่ง เขามาจากประเทศที่พิเศษสำหรับฉันมาก ๆ นั่นก็คือประเทศฟิลิปปินส์
กรุงมะนิลา – เช่นเดียวกับเมืองหลวงอื่น ๆ เช่น กรุงเทพ และ กรุงจาการ์ตา – ถือเป็นเมืองขนาดใหญ่ ผู้คนพลุกพล่านวุ่นวายและมีการแข่งขันสูงมาก ๆ อีกนิดเดียวจะบีบคอกันแล้ว
สำหรับนักลงทุนต่างชาติที่ต้องการจะมาลงทุน การรู้ว่าจะสามารถเชื่อใจใครได้เป็นประเด็นที่สำคัญอย่างยิ่ง การเดินหมากผิดแม้เพียงครั้งเดียวอาจทำให้เงินลงทุนหายไปหมดในพริบตา ซึ่งบางครั้งเรากำลังพูดถึงเงินหลายพันล้านเหรียญ
กว่าครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา วอชิงตัน ซีซิพ – นักธุรกิจอายุเก้าสิบกว่าผู้คล่องแคล่ว ที่เพิ่งจากไปเมื่อปี พ.ศ. 2560 – เป็นกุญแจสำคัญสู่ประเทศฟิลิปปินส์ “วอช” ชายซึ่งพูดจาตรงไปตรงมา อบอุ่น มีอารมณ์ขัน และมีความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้อย่างมาก ได้ทิ้งมรดกอันล้ำลึกและยั่งยืนไว้ให้แก่ประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตรวดเร็วที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างฟิลิปปินส์
ทุกวันนี้ทุกคนรู้ว่า “การจ้างทำกระบวนการทางธุรกิจ” (Business Process Outsourcing : BPO) เป็นเสาหลักที่สำคัญของเศรษฐกิจของประเทศฟิลิปปินส์ โดยปีที่ผ่านมาภาคธุรกิจนี้ก่อให้เกิดรายได้กว่า 24 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ สร้างการจ้างงานแก่คนงานมากกว่า 1.3 ล้านคน รวมทั้งกระตุ้นการเติบโตของทรัพย์สินและการบริโภค
อย่างไรก็ตามน้อยคนนักที่จะตระหนักว่าการกำเนิดของภาคธุรกิจนี้เกิดขึ้นได้หลัก ๆ ก็เพราะ วอช และบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ผันตัวจากบริษัทบัญชีมาเป็นบริษัทให้คำปรึกษาอย่าง “เอสจีวีกรุ๊ป” ซึ่ง วอช เป็นผู้ก่อตั้ง ณ กรุงมะนิลาในปี พ.ศ. 2489
“ย้อนกลับไปช่วงทศวรรษ 1960 และ 1970 เอสจีวีเป็นบริษัทบัญชีที่ใหญ่ที่สุดทางตะวันตกของแม่น้ำมิสซิสซิปปี” ซีซาร์ ปูริซิมา ผู้เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 2 สมัยและเคยเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับการสนับสนุนและคำแนะนำจาก วอช ที่เอสจีวีกรุ๊ป กล่าว
“ในช่วงทศวรรษ 1980 วอช และ เอสจีวี เริ่มต้นให้บริการเอาต์ซอร์สต่าง ๆ ร่วมกับหุ้นส่วนซึ่ง ณ ตอนนั้นใช้ชื่อว่า ‘แอนเดอร์สัน คอนซัลติ้ง’ (Anderson Consulting) ผ่านสิ่งที่ ณ เวลานั้นถูกเรียกกันว่า ‘ศูนย์แก้ไขปัญหามะนิลา’ (Manila Solutions Centre)”
เป็นเรื่องจริงที่ วอช สัมผัสได้ล่วงหน้าว่าลูกค้าองค์กรจะแสวงหาวิธีการที่จะลดต้นทุนงานสนับสนุน — เช่น บัญชี บัญชีเงินเดือน — ในขณะที่ยังคงรักษามาตรฐานไว้ แต่แน่นอนว่าเราไม่มีทางล่วงรู้ได้เลยว่า ณ เวลานั้น วอช ได้คาดการณ์ไว้หรือไม่ว่าเขาจะทำให้เกิดความต้องการที่เพิ่มขึ้นมากถึงเพียงนี้
วอช ยังเห็นถึงความสำคัญของการรวมกลุ่มในระดับภูมิภาคอีกด้วย ในช่วงทศวรรษ 1960 เอสจีวีเป็นหนึ่งในบริษัทสัญชาติฟิลิปปินส์บริษัทแรก ๆ ที่ขยายสู่ต่างประเทศและสร้างเครือข่ายในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ไต้หวัน อินโดนีเซีย มาเลย์เซีย สิงคโปร์ เวียดนาม ฮ่องกง และเกาหลี สำหรับไทยนั้นในปี พ.ศ. 2510 เอสจีวีได้ก่อตั้ง บริษัท “เอสจีวี ณ ถลาง แอนด์ คอมพานี”
หนึ่งในคุณสมบัติที่เป็นที่รักที่สุดของ วอช คือความสามารถในการตั้งใจฟังผู้ร่วมรับประทานอาหารค่ำหรือคู่สนทนาของเขาอย่างใจจดใจจ่อ
ในยุคนี้ที่เต็มไปด้วยการรบกวนหรือทำให้เสียสมาธิอย่างต่อเนื่อง – เช่น สมาร์ทโฟน และ สื่อสังคมออนไลน์ – เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่เราจะมีสามารถสมาธิและตั้งใจฟังได้ เพราะนั่นคือวิธีการที่คุณจะเชื่อมต่อกับผู้อื่น มันคือวิธีการที่คุณจะเรียนรู้และยังคับเรียนรู้อยู่เสมอต่อไปในชีวิต สำหรับ วอช แล้วการเรียนรู้และการศึกษาซ่อนอยู่ในแก่นของทุกสิ่งที่เขาทำ
วอช มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการก่อตั้งสถาบันการจัดการแห่งเอเชีย (Asian Institute of Management or AIM) ซึ่งเป็นโรงเรียนด้านธุรกิจชั้นนำของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงได้ให้ทุนการศึกษาแก่ชาวฟิลิปปินส์ที่ยากจนอีกนับไม่ถ้วน
“วอช เป็นสภาผู้สูงอายุฉายเดี่ยว สำหรับนักเคลื่อนไหวและนักธุรกิจชาวฟิลิปปินส์หลายท่าน” ดอริส โฮ ผู้ซึ่งเป็นประธานและผู้บริหารสูงสุดของ แมกไซไซกรุ๊ป (Magsaysay Group) กล่าว “เขาเป็นพี่เลี้ยงให้แก่นักธุรกิจชั้นนำหลายท่าน ทั้งยังให้คำแนะนำแก่ผู้ประกอบการชาวฟิลิปปินส์ส่วนใหญ่ และยังส่งเสียเด็กด้อยโอกาสหลายแสนคนให้ได้เรียนหนังสืออีกด้วย เขามีศรัทธาที่แรงกล้าในชาวฟิลิปปินส์แม้ในช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุด”
วอช เกิดในปี พ.ศ. 2464 ณ กรุงมะนิลา บิดาสืบเชื้อสายมาจากผู้อพยพชาวฝูเจี้ยน และมารดามีเชื้อสายมากจากครอบครัวในเซี่ยงไฮ้ เขาเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ภายหลังเขาได้เข้าร่วมหน่วยทหารฟิลิปปินส์ที่จัดตั้งขึ้นเป็นพิเศษในกองทัพสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะได้เป็นทหารราบเขาได้รับเลือกให้เรียนภาษาญี่ปุ่นและจบลงด้วยการทำงานเป็นสายลับสำหรับพันธมิตรในกัลกัตตา
การพยายามทำความเข้าใจเอกสารบันทึกเสียงภาษาญี่ปุ่นเป็นกอง ๆ ด้วยความยากลำบากเพื่อค้นหาข่าวกรองที่ล้ำค่าต้องทำให้สมองของเขาเฉียบคมขึ้นแน่ ๆ เขาบอกผู้เขียนชีวประวัติว่า “กระบวนการนี้ก็เหมือนกับการเป็นนักสืบ คุณมีข้อมูลดิบจำนวนมากและได้รับทราบมาว่าเครื่องบินทิ้งระเบิด 5 ลำถูกส่งไปยังสถานที่แห่งหนึ่งเพื่อทิ้งระเบิด จากนั้นคุณต้องทำงานย้อนหลังเพื่อหารูปแบบที่ตรงกับข้อมูลจนกว่าคุณจะสามารถเติมคำในช่องว่างได้”
“การถอดรหัสข้อความต่าง ๆ ของศัตรูในที่ห่างไกลอาจไม่น่าสนใจนักสำหรับคนส่วนใหญ่ แต่มันทำให้ผมมีมุมมองว่าอีกไม่นานโลกจะเล็กลงผ่านการเชื่อมโยงด้วยการสื่อสารได้อย่างไร” วอชเขียนหลายปีต่อมาเกี่ยวกับช่วงเวลาที่อาศัยอยู่ใกล้ ๆ แม่น้ำฮุคลีของเบงกอล “ประสบการณ์ช่วงที่อยู่ที่นั่นของผมสอนให้รู้ว่าสิ่งที่คนทั่วไปมองว่าอยู่ห่างไกลนั้น ในที่สุดจะเชื่อมโยงเข้ากับกระแสหลัก ‘ผู้เล่น’จากอุตสาหกรรมแขนงต่าง ๆ จะมาจากทั้งเศรษฐกิจขนาดใหญ่ เศรษฐกิจกำลังโต และเศรษฐกิจขนาดเล็ก ทำให้เราจำเป็นต้องพูดภาษาทางการเงินเดียวกัน”
สงครามโลกครั้งที่สองเปิดโลกกว้างให้แก่ วอช และเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาโดยสิ้นเชิง เขาได้เรียนรู้ภาษาใหม่ ๆ และทักษะที่หาไม่ได้ทั่วไป และได้อาศัยอยู่ในส่วนต่าง ๆ ของโลกที่เขาไม่เคยคาดคิดว่าจะได้ไป
หากเปรียบเทียบแล้ว พวกเราส่วนใหญ่เติบโตขึ้นในช่วงเวลาแห่งความสงบ เมื่อต้องเผชิญกับความทุกข์ยากเรามักขาดความอดทนต่อการเปลี่ยนแปลง เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการสร้างตัวตน กล่าวคือ ประสบการณ์ของเรากำหนดอนาคตของเรา และ “เวลาที่ค่อนข้างสบาย ๆ ” นี้อาจหมายถึงเราไม่ได้มี “ความลึก” และ “ความกว้าง” เท่ากับคนรุ่นก่อน
วอชรักษาความเป็นอิสระของเขาไว้และวิพากษ์วิจารณ์ความเป็นผู้นำในทางการเมืองที่เลวร้ายของบ้านเกิดของเขา วอชเป็นคนที่ไม่กลัวความขัดแข้งใด ๆ เขายังตั้งคำถามถึงประสิทธิผลของระบอบประชาธิปไตยในการเป็นระบอบการปกครองมีประสิทธิภาพ โดยอ้างถึงความสำเร็จของรัฐเผด็จการ เช่น จีน และ เวียดนาม ในการลดความยากจนเมื่อเทียบกับ อินเดีย และ ฟิลิปปินส์
ฟิลิปปินส์ – หรือจริง ๆ คือทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ – คิดถึงเสียงที่แข็งแกร่งและมีหลักการของวอช