เอเอฟพี รายงานว่า สองนักท่องเที่ยว “แบ็คแพ็คเกอร์”ชาวเยอรมัน ต้องจ่ายค่าปรับเป็นเงินถึง 950 ยูโร หรือราว 33,155 บาทเมื่อวันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลังไปนั่งชงกาแฟแถวเชิงสะพานรีอัลโต ซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งในเมืองเวนิส อิตาลี นอกจากถูกปรับ นักท่องเที่ยวทั้งสองยังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจขอให้เดินทางออกจากเมืองเวนิสด้วย
ข่าวระบุว่า นักท่องเที่ยวแบ็คแพ็คเกอร์ทั้งสอง เป็นชายชาวเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี วัย 32 และ 35 ปี ถูกจับขณะนำอุปกรณ์ชงกาแฟไปนั่งชงกาแฟดื่มอยู่ที่บริเวณเชิงสะพานรีอัลโต และมีผู้คนที่เดินผ่านไปมาเห็น จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองเวนิส เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สั่งปรับนักท่องเที่ยวทั้งสองภายใต้กฎหมายใหม่ที่ออกบังคับใช้เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเป็นเงิน 950 ยูโร ต่อพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม และขอให้ออกไปจากเมืองเวนิส
นาย ลุยจิ บรูจนาโร นายกเทศมนตรีเมืองเวนิส กล่าวว่า “เมืองเวนิสจะต้องได้รับการปฎิบัติอย่างให้ความเคารพ บุคคลที่ไม่สุภาพซึ่งมาที่นี่แล้วคิดว่าพวกเขาสามารถจะทำอะไรก็ได้ จะต้องเข้าใจสิ่งนี้ด้วย ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ที่หยุดพฤติกรรมของทั้งสองคนนั้น และให้พวกเขาออกไป นับจากนี้ไปเราจะประสานงาน ส่งข้อมูลของบุคคลที่ถูกขอให้ออกจากเมืองเวนิสไปยังสถานทูตและกงสุลของประเทศพวกเขาเหล่านั้นด้วย ”
ทั้งนี้สำหรับกฎหมายใหม่ ที่มีผลบังคับใช้เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ได้มีกฎข้อบังคับเกี่ยวกับความเหมาะสม การรักษาความสะอาด ความปลอดภัยภายในเมืองเวนิส ซึ่งมีประชากรราว 55,000 คนแต่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวแต่ละปีราว 30 ล้านคน ซึ่งสร้างความรบกวนแก่ชาวเมืองเวนิสที่รู้สึกว่าชีวิตพวกเขาถูกกระทบจากนักท่องเที่ยวที่เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับข้อบังคับในกฎหมายใหม่ อาทิ ห้ามปิคนิกในสถานที่บางแห่ง ห้ามอาบน้ำในบ่อน้ำพุ ห้ามถอดเสื้อในสถานที่สาธารณะ ใครฝ่าฝืนจะต้องถูกปรับเป็นจำนวนเงินที่สูงเอาการ
