เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานสถานการณ์ประท้วงต่อต้านร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนของชาวฮ่องกงที่ยังคงคุกรุ่นล่วงเข้าเป็นสัปดาห์ที่ 7 ล่าสุดกลุ่มผู้ประท้วงต้านกฎหมายฉบับนี้จำนวนหลายร้อยคนได้ปรับแผนการประท้วงด้วยการรวมตัวกันปักหลักชุมนุมกันอยู่ภายในอาคารผู้โดยสารขาเข้าของสนามบินนานาชาติฮ่องกง เพื่อกดดันรัฐบาลฮ่องกงที่ฝักใฝ่รัฐบาลจีนในเรื่องนี้ต่อไป
โดยนักเดินทางที่เดินทางมาถึงสนามบินฮ่องกงในวันศุกร์ (26 ก.ค.) นี้ ต้องเผชิญกับการชุมนุมต้อนรับของม็อบต้านกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนชาวฮ่องกงจำนวนมากที่สวมเสื้อยืดสีดำ ร้องตะโกนคำขวัญต่อต้านรัฐบาล และถือป้ายแบนเนอร์ รวมถึงแจกใบปลิวที่แสดงการต่อต้านร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน
ผู้จัดการประท้วงครั้งนี้ระบุว่า การชุมนุมที่สนามบินครั้งนี้เป็นโอกาสที่จะได้ให้ข้อมูลสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในฮ่องกงให้แก่นักเดินทางที่เดินทางมาถึงให้ได้รับทราบ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่ ที่สื่อของทางการจีนมักนำเสนอข่าวที่ให้ภาพของการชุมนุมประท้วงของชาวฮ่องกงว่าเต็มไปด้วยความรุนแรงและได้รับเงินสนับสนุนจากต่างชาติเพื่อที่จะทำลายเสถียรภาพในจีนแผ่นดินใหญ่
ข่าวแจ้งว่า หนึ่งในกลุ่มผู้ประท้วงยังมีไอเดียสร้างสรรค์ด้วยการเปิดวิดีโอเชิญชวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาถึงให้สวมใส่หน้ากากและเสื้อยืดสีดำ ที่เป็นสีเสื้อของม็อบประท้วงต้านกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน หากมาเข้าร่วมชุมนุม
ขณะที่ผู้ประท้วงอีกหลายคนถือป้าย “เตือนนักท่องเที่ยว” ที่ให้รายละเอียดว่าตำรวจฮ่องกงยิงแก๊สน้ำตาสลายกลุ่มผู้ประท้วงอย่างไรและเหตุการณ์ที่กลุ่มนักเลงอันธพาลที่สนับสนุนรัฐบาลดักทำร้ายผู้ประท้วงต้านกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่เกิดขึ้นที่สถานีรถไฟใต้ดินในฮ่องกงเมื่อวันอาทิตย์ (21 ก.ค.) ที่ผ่านมา จนเป็นผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 45 ราย
เมอริล เหยิง แอร์โฮสเตสประจำสายการบินหนึ่ง วัย 29 ปี ที่เพิ่งเสร็จจากการให้บริการผู้โดยสารบนเที่ยวบิน ได้มาเข้าร่วมในการชุมนุมประท้วงด้วย กล่าวว่า เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องมาที่สนามบินเพื่อบอกกับชาวต่างชาติให้รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในฮ่องกง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบอกให้ประชาชนในประเทศจีนได้รับรู้เรื่องนี้ เพราะพวกเขาเหล่านั้นได้รับทราบข้อมูลเพียงด้านเดียว โดยคิดว่าทุกคนที่มาชุมนุมประท้วงที่นี่ เป็นผู้ก่อความไม่สงบ
