เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา ขู่จะถอนการรับรองสถานะพิเศษของการเป็นประเทศกำลังพัฒนาอย่างจีนและประเทศร่ำรวยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในองค์การการค้าโลก(ดับเบิลยูทีโอ) เว้นแต่จะมีการปฏิรูปกฎระเบียบของดับเบิลยูทีโอที่เอื้อประโยชน์ให้ประเทศเหล่านี้ได้เปรียบเสียใหม่ โดยผู้นำสหรัฐประกาศท่าทีนี้ทางทวิตเตอร์ว่า “ดับเบิลยูทีโอพังไปแล้วเมื่อปล่อยให้ประเทศร่ำรวยที่สุดในโลกอ้างตัวว่าเป็นประเทศกำลังพัฒนาเพื่อหลีกเลี่ยงกฎระเบียบควบคุมของดับเบิลยูทีโอและทำให้ได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษ ซึ่งจะไม่มีอีกต่อไปแล้ว!!! วันนี้ผมจะสั่งการให้ผู้แทนการค้าสหรัฐจัดการเพื่อที่ประเทศเหล่านี้จะได้เลิกโกงระบบด้วยการทำลายสหรัฐ”
ในบันทึกช่วยจำที่ส่งถึงนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนทางการค้าของสหรัฐ ทรัมป์ชี้ว่าดับเบิลยูทีโอใช้ระบบที่ล้าสมัยไปแล้วในการแบ่งขั้วระหว่างกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วกับกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งทำให้สมาชิกดับเบิลยูทีโอบางประเทศได้เปรียบทางการค้าอย่างไม่เป็นธรรม “หากปราศจากความคืบหน้าในการปฏิรูปกฎระเบียบของดับเบิลยูทีโอภายใน 90 วัน สหรัฐจะไม่ปฏิบัติในฐานะประเทศกำลังพัฒนากับสมาชิกดับเบิลยูทีโอที่อ้างตัวเป็นประเทศกำลังพัฒนาอย่างไม่เหมาะสมและแสวงหาประโยชน์อย่างไม่ถูกต้องจากความยืดหยุ่นในกฎระเบียบของดับเบิลยูทีโอและการเจรจา” บันทึกช่วยจำของทรัมป์ระบุ
นับเป็นการวิพากษ์โจมตีองค์กรระงับข้อพิพาทและจัดระเบียบการค้าโลกอย่างดับเบิลยูทีโอแต่เพียงฝ่ายเดียวของผู้นำสหรัฐอีกครั้ง ซึ่งมีขึ้นก่อนหน้าที่คณะผู้แทนทางการค้าของสหรัฐจะเดินทางไปจีนเพื่อเจรจาการค้ากับจีนใหม่อีกครั้งหลังจากการเจรจาการค้าของคณะผู้แทนการค้าสองฝ่ายประสบความล้มเหลวไปเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
เอเอฟพีระบุว่า แม้ในคำแถลงของทรัมป์จะพุ่งเป้าหมายไปยังหลายประเทศที่ได้ประโยชน์จากกฎระเบียบของดับเบิลยูทีโอจากการมีสถานะเป็นประเทศกำลังพัฒนาก็ตาม โดยในแถลงการณ์ของผู้นำสหรัฐระบุว่า 7 ใน 10 ของเขตเศรษฐกิจร่ำรวยที่สุดในโลกที่อ้างสถานะเป็นประเทศกำลังพัฒนา มีอาทิ เม็กซิโก เกาหลีใต้ และตุรกี ซึ่งต่างเป็นสมาชิกในกลุ่มชาติเศรษฐกิจชั้นนำจี 20 ทว่าดูเหมือนว่าเป้าหมายสำคัญในการตอบโต้การได้รับการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมทางการค้าในสายตาของผู้นำสหรัฐจะพุ่งเป้าไปอยู่ที่จีน ที่เป็นคู่พิพาททางการค้าที่สำคัญของสหรัฐ
