เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม สำนักข่าวเอเอฟพีรายงนว่า สถานการณ์ขัดแย้งในฮ่องกงที่มีชนวนเหตุมาจากการต่อต้านร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนยังคงเต็มไปด้วยความตึงเครียด ล่าสุดกลุ่มผู้สนับสนุนจำนวนหนึ่งชุมนุมกันอยู่หน้าศาลที่ผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยจำนวน 44 คน ถูกนำตัวขึ้นศาลเพื่อรับฟังข้อกล่าวหา หลังจากคืนวันอังคาร(30 ก.ค.)ที่ผ่านมา ผู้ประท้วงทั้ง 44 คนนี้ถูกตำรวจตั้งข้อหาก่อจลาจลและมีรายหนึ่งที่ถูกตั้งข้อหามีอาวุธปืน หลังจากถูกจับกุมในการก่อเหตุประท้วงรุนแรงเมื่อวันอาทิตย์(28 ก.ค.)
ข่าวแจ้งว่า กลุ่มผู้สนับสนุนที่ชุมนุมอยู่หน้าศาลท่ามกลางฝนที่โปรยปรายลงมา ตะโกนร้องว่า “เอาฮ่องกงกลับมา” และว่า ผู้ประท้วงที่ถูกจับไป ไม่ใช่ผู้ก่อจลาจล ขณะที่ผู้ประท้วง 44 คนที่ถูกดำเนินคดี ปรากฎตัวต่อหน้าผู้พิพากษาด้วยท่าทีสงบ โดยผู้พิพากษาได้แจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีต่อผู้ต้องหาอย่างเป็นทางการ ก่อนอนุญาตให้ประกันตัว โดยผู้ต้องหา 9 คน ได้รับการปล่อยตัวในช่วงบ่ายด้วยวงเงินประกัน 1,000 ดอลลาร์ฮ่องกง (ราว 4,000 บาท) นอกจากนี้ผู้พิพากษายังสั่งให้ผู้ต้องหาทั้งหมดอยู่ในฮ่องกงและห้ามออกจากเคหะสถานตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนถึง 6 โมงเช้า สำหรับบทลงโทษฐานก่อจลาจลในฮ่องกงมีโทษจำคุกสูงสุดเป็นเวลา 10 ปี
ส่วนของเหตุปะทะรอบล่าสุดเกิดขึ้นหลังจากมีข่าวว่าผู้ประท้วงที่ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ได้ถูกตำรวจตั้งข้อหาก่อจลาจล ส่งผลให้กลุ่มผู้ประท้วงหลายร้อยคนรวมตัวกดดันกันอยู่หน้าสถานีตำรวจ 2 แห่ง โดยมีการปาไข่เข้าใส่สถานีตำรวจ ทำให้เจ้าหน้าฉีดสเปรย์พริกไทยเข้าใส่ผู้ประท้วงเพื่อสลายการชุมนุม ขณะการชุมนุมที่หน้าสถานีตำรวจอีกแห่งมีการจุดพลุโจมตีขึ้น โดยเหตุปะทะที่จุดนี้มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ 6 ราย
