เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐปรับขึ้น 10.27 ดอลลาร์ สู่ 1,473.87 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 1,474.81 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2013 หรือจุดสูงสุดในรอบกว่า 6 ปี ในขณะที่นักลงทุนกังวลว่า สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอาจจะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ ราคาทองก็ได้รับแรงหนุนจากความผันผวนในตลาดหุ้นสหรัฐและตลาดหุ้นทั่วโลกด้วย
ราคาสัญญาทองเดือน ธ.ค.ปิดตลาดปรับขึ้น 7.70 ดอลลาร์ หรือ 0.52% สู่ 1,484.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทางด้านราคาโลหะเงินในตลาดสปอตปิดปรับขึ้น 0.055 ดอลลาร์ สู่ 16.445 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนราคาพลาตินั่มในตลาดสปอตปิดร่วงลง 5.50 ดอลลาร์ สู่ 847.50 ดอลลาร์/ออนซ์ และราคาพัลลาเดียมในตลาดสปอตปิดพุ่งขึ้น 22.50 ดอลลาร์ หรือ 1.59% สู่ 1,437.00 ดอลลาร์/ออนซ์
ตลาดการเงินทั่วโลกลดความผันผวนลง ในขณะที่จีนพยายามควบคุมค่าเงินหยวนในวันอังคาร หลังจากปล่อยให้หยวนดิ่งลงผ่านระดับ 7 หยวนต่อดอลลาร์ในวันจันทร์ ทั้งนี้ โกลด์แมน แซคส์เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าสหรัฐและจีนจะไม่บรรลุข้อตกลงเพื่อยุติความขัดแย้งทางการค้าก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย.2020
นักลงทุนจะจับตาดูถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในช่วงนี้ เพื่อดูว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเร็วๆนี้ท่ามกลางสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นหรือไม่ ทั้งนี้ นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์กล่าวในวันอังคารว่า เฟดไม่จำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากเกินไป ในขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐยังคงเติบโตต่อไป และเศรษฐกิจยังคงอยู่ในระหว่างการปรับตัวรับการผ่อนคลายนโยบายการเงินของเฟดในปีนี้
กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งถือเป็นกองทุน ETF ทองที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปรับเพิ่มปริมาณการถือครองทองขึ้นสู่ 835.16 ตันในวันจันทร์ ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 มิ.ย. 2018 หรือจุดสูงสุดรอบ 14 เดือน ทั้งนี้ คาดกันว่าภาวะไม่แน่นอนในตลาดโลกจะช่วยกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองต่อไป