| ที่มา | มติชนต่างประเทศ |
|---|---|
| ผู้เขียน | มนต์ทิพย์ ธานะสุข |
| เผยแพร่ |
ตลาดแฟชั่นเด็กในประเทศจีนช่วงปี 2018 เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับส่วนอื่นๆ ในอุตสาหกรรมเสื้อผ้าแฟชั่นของจีน โดยมีมูลค่าตลาดมากกว่า 40,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อบวกกับการก้าวขึ้นมาของเหล่า “คิดฟลูเอนเซอร์” (kidfluencer) เด็กผู้ทรงอิทธิพลที่มีมากขึ้นในสังคมจีนจากการได้รับการสนับสนุนจากแบรนด์ดังให้ช่วยส่งเสริมการขายทางโซเชียลมีเดีย ยิ่งทำให้เด็กเหล่านี้เป็นที่รู้จัก เป็นภาพจำของผู้คนมากขึ้น นั่นทำให้ความต้องการนางแบบนายแบบเด็กในธุรกิจโมเดลลิ่งของจีนยิ่งบูมมากขึ้น
ท่ามกลางเสียงชื่นชมความน่ารักน่าเอ็นดูและความสามารถของเด็กๆ ในการทำงานในวงการแฟชั่นได้เหมือนผู้ใหญ่ แต่ขณะเดียวกันก็มีเสียงวิจารณ์ท้วงติงมากมายต่อผลกระทบเชิงลบที่จะเกิดขึ้นกับเด็ก ไม่ว่าจะเป็นการแสวงหาผลประโยชน์จากเด็ก การทำให้เด็กต้องเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน ตกอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการถูกล่วงละเมิดทำร้ายร่างกาย หรือการเผชิญความกดดันจากพ่อแม่ของเด็กเองที่ต้องการผลักดันลูกเข้าวงการเพื่อหารายได้เลี้ยงครอบครัว
มีตัวอย่างเกิดขึ้นให้เห็นหลายกรณี เช่นที่ปรากฎเป็นคลิปวิดีโออื้อฉาวในโลกออนไลน์เมื่อช่วงต้นปีนี้ เป็นกรณีของเด็กหญิงหนิวหนิว วัยเพียง 3 ขวบ นางแบบน้อยคนดัง ถูกผู้เป็นแม่เตะก้นจนร่างเซ ขณะหนูน้อยเป็นแบบถ่ายภาพนิ่งให้กับสินค้าตัวหนึ่ง เมื่อคลิปนี้แพร่เป็นไวรัลออกไป ได้จุดความโกรธเกรี้ยวและเสียงก่นประณามผู้เป็นแม่จากผู้คนในสังคมจำนวนมาก
อีกคลิปเป็นกรณีการให้เด็กชายรายหนึ่ง ใส่เสื้อผ้าฤดูหนาว ยืนถ่ายแบบอยู่กลางแจ้งท่ามกลางสภาพอากาศร้อนจัด ที่อุณหภูมิ 37 องศาเซลเซียส ถูกสังคมวิจารณ์หนักเช่นกัน
หลีู่ ผู้ก่อตั้งโรงเรียนสอนเดินแบบในจีน เป็นหนึ่งใน “คนวงใน” ในธุรกิจโมเดลลิ่ง บอกเล่าว่า คลิปเหล่านี้ที่เราเห็นเป็นแค่เพียงส่วนน้อยของปัญหาที่นางแบบนายแบบวัยเด็กต้องเผชิญจากการถูกแสวงหาประโยชน์ในธุรกิจนี้ ซึ่งโดยประสบการณ์ตรงของตนเองแล้วบอกได้เลยว่าพฤติกรรมความรุนแรงจากพ่อแม่ที่เด็กต้องเผชิญในระหว่างการถ่ายแบบนั้นไม่ได้เป็นเรื่องผิดปกติเลย
คนวงในยังเผยอีกว่าในธุรกิจโมเดลลิ่ง ที่เหล่านางแบบนายแบบตัวน้อยคนหนึ่งสามารถทำเงินได้ถึง 10,000 หยวน (ราว 45,000 บาท) ต่องานหนึ่งชิ้น แต่บางครั้งนายแบบนางแบบเด็กเหล่านี้อาจต้องแลกมาด้วยการต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายมากกว่า 100 ชุดต่อการถ่ายแบบ 1 เซ็ต และมักต้องยืนระยะทำงานตั้งแต่เช้ายันมืดก็มี
ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตเตือนว่านางแบบนายแบบวัยเด็กไม่เพียงจะเกิดความอ่อนเพลียเหนื่อยล้าทางร่างกายแล้ว แต่ในระยะยาวเด็กยังอาจต้องเผชิญกับปัญหาภาวะทางอารมณ์ด้วย
กง ซื่อผิง นักจิตวิทยาเด็กบอกว่า เด็กช่วงวัยตั้งแต่ยังไม่ถึง 1 ขวบไปจนถึง 6 ขวบ กำลังมีพัฒนาการทางด้านจิตใจ ที่พวกเขาจะต้องมีอิสระ แต่ในการทำงาน นางแบบนายแบบเด็กจะต้องแสดงออกถึงอารมณ์ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปโดยตั้งใจ ซึ่งขัดแย้งกับความรู้สึกของตัวเด็กในช่วงเวลานั้น สิ่งนี้จะเป็นตัวจำกัดขีดความสามารถในการพัฒนาด้านอารมณ์และจิตวิทยาของเด็กที่มีความซับซ้อนมาก ซึ่งตนคิดว่าเป็นเรื่องที่แย่สำหรับเด็ก
ต่อแนวทางป้องกันปัญหานี้ ได้มีการพุ่งเป้าไปที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับแรงงานเด็ก ซึ่งหลังจากมีคลิปของเด็กหญิงหนิวหนิวออกมา รัฐบาลท้องถิ่นเมืองหางโจวก็ได้ออกกฎระเบียบใหม่ด้วยการจำกัดชั่วโมงการทำงานของเด็กและห้ามการจ้างเด็กอายุต่ำกว่า 10 ขวบเป็นโฆษกของแบรนด์ ทว่าการดำเนินการดังกล่าวก็ยังไม่ได้ทำให้สังคมจีนส่วนใหญ่พึงพอใจ โดยเห็นควรให้เจ้าหน้าที่รัฐขันน็อตกฎระเบียบที่มีอยู่ให้เข้มข้นกว่านี้
