สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ผู้เชี่ยวชาญจากสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เปิดเผยเมื่อวันที่ 12 สิงหาคมว่า กำลังทำการสอบสวนเหตุการณ์อย่างน้อย 35 การโจมตีใน 17 ประเทศ ที่เชื่อว่าเกาหลีเหนือได้ปฏิบัติการโจมตีบนโลกไซเบอร์เพื่อหาเงินอย่างผิดกฎหมายสำหรับนำไปใช้ในโครงการอาวุธทำลายล้างสูง
ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ก่อน เอพีได้เปิดเผยรายงานของผู้เชี่ยวชาญระบุว่าเกาหลีเหนือหาเงินโดยผิดกฎหมายได้ราว 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากการโจมตีบนโลกไซเบอร์ของกลุ่มสถาบันการเงินและการแลกเปลี่ยนเงินสกุลดิจิทัล และเกาหลีใต้เป็นประเทศที่ถูกโจมตีหนักที่สุด คือ 10 ครั้ง ตามด้วยโจมตีอินเดีย 3 ครั้ง บังกลาเทศ และชิลี ประเทศละ 2 ครั้ง ส่วนประเทศที่ถูกโจมตี 1 ครั้งได้แก่ คอสตาริกา , แกมเบีย ,กัวเตมาลา ,คูเวต , ไลบีเรีย , มาเลเซีย , มอลตา , ไนจีเรีย , โปแลนด์ , สโลวีเนีย , แอฟริกาใต้ , ตูนิเซีย และเวียดนาม
ซึ่งผู้เชี่ยวชาญของยูเอ็นระบุว่า กำลังสอบสวนรายงานการโจมตีดังกล่าว ที่ถือเป็นความพยายามที่จะละเมิดมาตราการคว่ำบาตรของยูเอ็น ซึ่งทางคณะกรรมการกำลังเฝ้าจับตาดูอยู่ โดยรายงานของผู้เชี่ยวชาญยูเอ็นได้อ้างอิงถึง 3 วิธีการหลักในปฏิบัติการของแฮกเกอร์เกาหลีเหนือที่ทำ
วิธีการแรก คือการโจมตีผ่านทางระบบ สวิฟต์ โดยใช้การถ่ายโอนเงินระหว่างธนาคาร ด้วยคอมพิวเตอร์ของพนักงานธนาคาร และโครงสร้างพื้นฐานที่จะส่งข้อความหลอกลวงและทำลายหลักฐาน
วิธีที่ 2 คือการขโมยเงินสกุลดิจิทัล ผ่านการโจมตีทั้งการแลกเปลี่ยนและผู้ใช้ และวิธีที่ 3 คือการขุดเงินสกุลดิจิทัล เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับกองทัพ
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การใช้วิธีการโจมตีเหล่านี้ มีความเสี่ยงต่ำแต่ได้ผลสูง เพียงแค่ใช้คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กและสามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้เท่านั้น
