เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า รัฐบาลสิงคโปร์ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในปีนี้ลงอยู่ที่ 0.0-1.0 เปอร์เซ็นต์ จากเดิมที่คาดหมายว่าจะเติบโต 1.5-2.5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นผลจากภาวะการส่งออกของสิงคโปร์ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากพิษสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน นับเป็นการปรับลดการคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจของสิงคโปร์เป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้ ขณะที่เศรษฐกิจของสิงคโปร์ในปีที่แล้วเติบโต 3.2 เปอร์เซ็นต์
กระทรวงการค้าสิงคโปร์ชี้ว่าโอกาสการเติบโตทางเศรษฐกิจของตลาดเกิดใหม่ที่สำคัญและเขตเศรษฐกิจกำลังพัฒนา รวมถึงจีนย่ำแย่ลง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากปัญหาพิพาททางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐที่ขยายวงลุกลามเมื่อเร็วๆนี้ พร้อมเตือนว่าภาวะไม่แน่นอนและความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกที่จะอยู่ในช่วงขาลงมีมากขึ้นนับจากเมื่อ 3 เดือนก่อน และเมื่อเร็วๆนี้ ประธานาธิบดีโดนัดล์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ยังประกาศจะเพิ่มกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมีมูลค่ารวม 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐอีกด้วย สิ่งนี้อาจทำลายความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจโลกและความเชื่อมั่นของโลกที่ไม่เป็นผลดีต่อการเติบโตทางการค้าและเศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้การขนส่งสินค้าทางเรือจากสิงคโปร์มีปริมาณลดลงและภาคส่งออกของสิงคโปร์ได้รับผลระทบอย่างหนักจากอุปสงค์เครื่องใช้ไฟฟ้าซึ่งเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของสิงคโปร์ที่ได้ลดลงไปอย่างมาก
