น้ำมันดิบพุ่งขึ้น 4% หลังสหรัฐเลื่อนเก็บภาษี

เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX พุ่งขึ้นครั้งใหญ่ในวันอังคาร ทางด้านราคาน้ำมันดิบเบรนท์ทะยานขึ้น 4.7% ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2018 หลังจากนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ประกาศว่า สหรัฐจะเลื่อนการเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 10% สำหรับสินค้าจีนที่สำคัญ ซึ่งรวมถึงเครื่องคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปและโทรศัพท์มือถือ แทนที่จะเริ่มเก็บภาษีนำเข้าสินค้ากลุ่มนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.ตามกำหนดเดิมที่วางไว้

ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนก.ย.ทะยานขึ้น 2.17 ดอลลาร์ หรือ 4.0% มาปิดตลาดที่ 57.10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนทะยานขึ้น 2.73 ดอลลาร์ สู่ 61.30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบลดช่วงบวกลงมาบ้างหลังจากตลาดปิดทำการในวันอังคาร เนื่องจากการปิโตรเลียมสหรัฐ (API) ซึ่งเป็นหน่วยงานของเอกชน ได้เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันสหรัฐประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 9 ส.ค. โดยระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้น 3.7 ล้านบาร์เรล สู่ 443 ล้านบาร์เรล ซึ่งสวนทางกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในโพลล์รอยเตอร์ที่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐอาจดิ่งลง 2.8 ล้านบาร์เรล

กระทรวงพาณิชย์จีนระบุในแถลงการณ์ในวันอังคารว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐกับจีนได้หารือกันทางโทรศัพท์ และตกลงที่จะหารือกันอีกครั้งภายในเวลาสองสัปดาห์ข้างหน้า

Advertisement

ราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐอาจปรับลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว และการคาดการณ์ที่ว่าซาอุดิอาระเบียจะปรับลดการผลิตน้ำมันลง ทั้งนี้ ซาอุดิอาระเบียระบุในสัปดาห์ที่แล้วว่า ซาอุดิอาระเบียวางแผนจะส่งออกน้ำมันดิบในระดับต่ำกว่า 7 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนส.ค.และก.ย. เพื่อจะได้ทำให้ตัวเลขสต็อกน้ำมันในคลังทั่วโลกปรับลดลง นอกจากนี้ ซาอุดิอาระเบียยังวางแผนจะเปิดขายหุ้นบริษัทซาอุดิ อารามโค ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันของรัฐบาลด้วย และปัจจัยนี้จะช่วยจูงใจให้ซาอุดิอาระเบียดำเนินมาตรการหนุนราคาน้ำมัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image