เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า มีการค้นพบซากฟอสซิลเพนกวินยักษ์ ตัวเกือบเท่ามนุษย์ในวัยผู้ใหญ่ โดยมีความสูง 1.6 เมตร น้ำหนัก 80 กิโลกรัม ซึ่งถือว่าสูงกว่าเพนกวินจักพรรดิที่เป็นเพนกวินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุคใหม่ถึง 40 เซนติเมตรและหนักกว่า 4 เท่า โดยพบบนเกาะใต้ของประเทศนิวซีแลนด์
ทีมนักวิจัยเปิดเผยว่า เพนกวินยักษ์ที่พบนี้มีชื่อว่า ครอสวัลเลีย ไวพาเรนซิส (crossvallia waiparensis) มีแหล่งอาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งของประเทศนิวซีแลนด์ในช่วงยุคพาลีโอซีนหรือเมื่อประมาณ 66-56 ล้านปีก่อน โดยนักล่าฟอสซิลมือสมัครเล่นพบซากกระดูกขาของเพนกวินยักษ์นี้เมื่อปลายปีที่แล้ว ก่อนที่จะได้รับการยืนยันในงานวิจัยที่มีการตีพิมพ์ลงในวารสารบรรพชีวินวิทยา Alcheringa: An Australasian Journal of Palaeontology ว่ากระดูกเพนกวินยักษ์ที่พบดังกล่าวเป็นสายพันธุ์ใหม่
วาเนซา ดี เพียทรี นักวิจัยประจำพิพิธภัณฑ์แคนเทอร์เบอรี ในเมืองไครส์เชิร์ช กล่าวว่า การค้นพบครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 ที่มีการพบเพนกวินยักษ์จากยุคพาลีโอซีนในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งตอกย้ำทฤษฎีของเราที่ว่าเพนกวินจะมีขนาดใหญ่ขึ้นในช่วงวิวัฒนาการตอนต้นของพวกมัน
ก่อนหน้านี้เหล่านักวิทยาสตร์เชื่อว่าเพนกวินยักษ์ได้สูญพันธุ์ไปแล้วเนื่องจากการปรากฎขึ้นของสัตว์น้ำนักล่าที่มีขนาดใหญ่กว่าชนิดอื่นๆ เช่น แมวน้ำ และ วาฬมีฟัน
ทั้งนี้นิวซีแลนด์ เป็นประเทศที่ขึ้นชื่อในการพบซากนกยักษ์ดึกดำบรรพ์ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว เช่น นกโมอา นกขนาดใหญ่บินไม่ได้และมีลักษณะคล้ายนกกระจอกเทศ โดยมีความสูงถึง 3.6 เมตร และนกอินทรีฮาสท์ที่เมื่อสยายปีกของมันเต็มที่แล้วมีขนาดกว้างถึง 3 เมตร
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พิพิธภัณฑ์แคนเทอร์เบอรียังประกาศการค้นพบนกแก้วยักษ์มีความสูง 1 เมตรและมีอายุอยู่ในช่วงราว 19 ล้านปีก่อนด้วย