เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เกิดเหตุจลาจลขึ้นในจังหวัดปาปัวตะวันตก จังหวัดใหญ่ที่สุดและอยู่ทิศตะวันตกสุดของอินโดนีเซีย โดยกลุ่มผู้ประท้วงจำนวนหลายพันคนออกมารวมตัวบนท้องถนนในเมืองมาโนกูวารี เมืองเอกของปาปัวตะวันตก และได้จุดไฟเผาอาคารรัฐสภา ร้านค้าและรถยนต์หลายคันที่จอดอยู่จนได้รับความเสียหายหนัก ตลอดจนทำลายป้ายสัญลักษณ์บนท้องถนนและปาหินเข้าใส่สถานที่ราชการ เป็นผลให้เมืองนี้ที่มีประชากรราว 130,000 คน กลายเป็นอัมพาต
เหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นผลต่อเนื่องมาจากสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้ออกมาประท้วงต่อต้านการจับกุมนักศึกษา 43 คนที่สนับสนุนเรียกร้องเอกราชของดินแดนปาปัวตะวันตก
นายโมฮัมหมัด ลาโคทานี รองผู้ว่าการจังหวัดปาปัวตะวันตก กล่าวกับสถานีโทรทัศน์คอมปาสทีวีว่า ตึกรัฐสภาถูกเผา ตัวเมือง ตลาด ท่าเรือและร้านค้าต่างๆ ได้รับผลกระทบหมด
ขณะที่มีรายงานตำรวจได้รับบาดเจ็บ 3 นายจากการถูกผู้ประท้วงปาหินใส่ และเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นยังส่งผลให้ทางการต้องสั่งปิดโรงเรียนด้วย
เหตุรุนแรงเกิดขึ้นหลังจากมีรายงานข่าวว่าเจ้าหน้าที่ได้ยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่และจับกุมนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยปาปัว จำนวน 43 คนไปในเมืองสุราบายาเมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับวันชาติของอินโดนีเซีย โดยสื่อท้องถิ่นและกลุ่มนักเคลื่อนไหวชาวปาปัวอ้างว่าตำรวจในชุดป้องกันได้บุกเข้าไปในหอพักนักศึกษาและฉีดแก๊สน้ำตาเข้าใส่กลุ่มนักศึกษาที่ถูกกล่าวหาว่าเผาธงชาติอินโดนีเซีย
ด้านโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ปฏิเสธรายงานข่าวที่ว่าตำรวจใช้แก๊สน้ำตากับกลุ่มนักศึกษา เพียงแต่กล่าวว่านักศึกษาที่ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไปในเมืองสุราบายาก็เพื่อสอบปากคำเท่านั้นและหลังจากนั้นได้มีการปล่อยตัวไป
เหตุความไม่สงบในการต่อต้านการปกครองของอินโดนีเซียในจังหวัดปาปัวตะวันตกมีมานานนับสิบปี หลังจากอินโดนีเซียได้ผนวกดินแดนปาปัวตะวันตกเป็นของตนเอง ขณะที่ปาปัวนิวกินี(พีเอ็นจี) ที่มีเขตแดนติดกับปาปัวตะวันตกได้แยกตัวเป็นประเทศเอกราช