เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม สำนักข่าวเอเอฟพีและเอพีรายงานว่า ท่ามกลางความห่วงวิตกของชาวโลกที่มีต่อเหตุไฟป่าลุกลามผลาญพื้นที่ป่าแอมะซอน ในประเทศบราซิล ซึ่งถือเป็นปอดใหญ่ของชาวโลกเป็นบริเวณกว้าง ผู้นำประเทศอย่างประธานาธิบดีเอ็มมานูแอล มาครงของฝรั่งเศส และนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ประสานเสียงเรียกร้องให้ผู้นำโลกใช้โอกาสที่จะพบปะกันในการประชุมกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ชาติ หรือ จี 7 ที่ประเทศฝรั่งเศส ถกหารือถึงสถานการณ์ไฟป่าแอมะซอนที่เกิดขึ้น
โฆษกของนางแมร์เคิลแถลงว่า ไฟป่าที่กำลังเผาผลาญป่าแอมะซอนถือเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง ที่ผู้นำโลกควรจะถกหารือกันโดยด่วนในการประชุมผู้นำจี 7
“ไฟป่าที่แผ่ขยายเป็นวงกว้างในป่าแอมะซอน เป็นเรื่องที่น่าตกใจและไม่เพียงคุกคามต่อบราซิลและประเทศอื่นๆเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อทั้งโลก” โฆษกของนางแมร์เคิลกล่าว และว่า ในการประชุมจี 7 ที่กำลังจะมาถึงในสุดสัปดาห์นี้ นายกรัฐมนตรีเยอรมนีเชื่อมั่นว่าสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงที่เกิดขึ้นกับป่าแอมะซอนจะอยู่ในวาระการหารือ
ก่อนหน้านั้นประธานาธิบดีเอ็มมานูแอล มาครงของฝรั่งเศส ชี้ว่าเหตุไฟป่าแอมะซอนถือเป็นวิกฤตระหว่างประเทศ ที่ผู้นำกลุ่มจี 7 ควรจะต้องหารือถึงปัญหานี้อย่างเร่งด่วน
“บ้านของเรากำลังถูกเผา ป่าฝนแอมะซอนที่เป็นปอดใหญ่ผลิตอ็อกซิเจนให้กับโลกเราราว 20 เปอร์เซ็นต์ กำลังถูกไฟเผา” ประธานาธิบดีมาครงทวีตบอก
เช่นเดียวกับนายอันโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) โพสต์บนทวิตเตอร์เมื่อวันที่ 22 สิงหาคมว่า ตนมีความห่วงกังวลอย่างยิ่งต่อเหตุไฟป่าในผืนป่าแอมะซอน ท่ามกลางวิกฤตสภาพอากาศโลก เราไม่สามารถทำให้เกิดความเสียหายกับแหล่งอ็อกซิเจนและความหลากหลายทางชีวภาพอันสำคัญมากไปกว่านี้ได้อีก ป่าแอมะซอนจะต้องได้รับการปกป้อง
จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินพื้นที่ที่ผืนป่าแอมะซอนถูกไฟป่าเผาผลาญว่ากินเนื้อที่เท่าใด ขณะที่ควันไฟจากเหตุไฟป่าได้แผ่ปกคลุมนครเซาเปาโลและอีกหลายเมืองของบราซิล ด้านรัฐบาลประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนาโร ของบราซิล ได้ออกมาตอบโต้ว่ารัฐบาลบราซิลตกเป็นเป้าหมายของการทำลายให้เสื่อมเสียชื่อเสียงจากกลุ่มนักวิจารณ์ที่โต้เถียงว่าผู้นำบราซิลไม่ได้ดำเนินการมากเพียงพอในการควบคุมการตัดไม้ทำลายป่าที่ส่งผลคุกคามต่อผืนป่าอันเป็นปอดใหญ่ของโลกแห่งนี้ให้ตกอยู่ในอันตราย