สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐทวีความร้อนแรงขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างประกาศปรับขึ้นกำแพงภาษีสินค้านำเข้าของอีกประเทศ โดยจีนได้ประกาศเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐมูลค่าราว 75,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2.325 ล้านล้านบาท เพื่อตอบโต้การที่สหรัฐประกาศปรับขึ้นกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา
จีนได้ประกาศแผนที่จะปรับเพิ่มภาษีตั้งแต่ 5-10% ต่อสินค้าสหรัฐมากกว่า 5,000 รายการ ซึ่งรวมถึงสินค้าเกษตรและน้ำมันดิบ และยังจะมีการเก็บภาษีกับรถยนต์นำเข้าจากสหรัฐ 25% ที่เคยระงับไปก่อนหน้านี้ด้วย โดยการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐเพิ่มขึ้นดังกล่าวจะแบ่งเป็น 2 ช่วง คือเริ่มในวันที่ 1 กันยายน และ 15 ธันวาคมนี้
หลังจากการประกาศมาตรการตอบโต้ของจีนเพียงไม่นาน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ก็เล่นงานกลับทันทีด้วยการประกาศเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้ามูลค่า 250,000 ล้านดอลลาร์ขึ้นอีก 5% หรือจากเดิม 25% เป็น 30% โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้
ทรัมป์กล่าวหาว่าการขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐของจีนมีแรงจูงใจทางการเมืองอยู่เบื้องหลัง ทั้งยังกล่าวหาจีนว่าเอาเปรียบสหรัฐ
“เป็นเรื่องน่าเศร้าที่รัฐบาลที่ผ่านมาของสหรัฐยอมให้จีนทำเช่นั้น แท่นที่จะทำการค้าอย่างตรงไปตรงมาและสมดุล ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้กลายเป็นภาระอย่างใหญ่หลวงต่อผู้บริโภคสหรัฐ ในฐานะประธานาธิบดี ผมจะไม่ยินยอมให้สิ่งนี้เกิดขึ้นต่อไป”ทรัมป์ทวีต
ข่าวดังกล่าวส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลง โดยดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงไปมากกว่า 620 จุด หรือ 2.4% ขณะที่ดัชนี FTSE 100 ของอังกฤษ และดัชนี DAX ในเยอรมนีต่างก็ปิดในแดนลบเช่นเดียวกัน
