วิเทศวิถี : ความยั่งยืนของการท่องเที่ยวไทย

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ตีตกการยกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา หรือฟรีวีซ่า ให้กับนักท่องเที่ยวจีนและอินเดีย ตามข้อเสนอของกระทรวงการคลัง ภายใต้เหตุผลว่าเป็นมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ถูกคัดค้านจากหลายหน่วยงานว่ามาตรการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ มีประเด็นเกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรเกินพอดี และยังไม่น่าจะใช่แนวทางแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง

รายงานข่าวที่ปรากฎต่อสาธารณะระบุว่า กระทรวงการต่างประเทศได้คัดค้านเรื่องดังกล่าว โดยเห็นว่าควรจะพิจารณาให้รอบคอบ ไม่ใช่มองแต่เพียงเฉพาะมิติของการกระตุ้นเศรษฐกิจแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น อีกทั้งปัญหาเศรษฐกิจซบเซาในปัจจุบันมีปัจจัยแวดล้อมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หรือค่าเงินบาทแข็งค่า ขณะที่ระบบบริหารจัดการนักท่องเที่ยวและคนเข้าเมืองของไทยยังไม่มีประสิทธิภาพดีเพียงพอ ทั้งหมดนี้อาจส่งผลกระทบต่อการรักษาคุณภาพในการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนของไทยในทุกมิติ

ขณะที่ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ย้ำก่อนวันประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่คัดค้านการให้ฟรีวีซ่าดังกล่าวไม่ได้เป็นการพุ่งเป้าไปที่คนชาติใด และไม่ได้เป็นการเลือกปฏิบัติ ปัญหาสำคัญอยู่ที่ศักยภาพภายในประเทศไทยที่ยังไม่มีความพร้อมที่จะรองรับและจัดการกับการหลั่งไหลเข้ามาของนักท่องเที่ยวจากประเทศที่มีประชากรระดับพันล้านคนได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงพอ การคัดกรองคนเข้าประเทศถือเป็นแนวปฏิบัติสากล ที่จะทำให้ไทยมีประสิทธิภาพในการรับรองผู้มาเยือนได้มากขึ้น ซึ่งการดำเนินการเช่นนั้นไม่ได้เป็นประโยชน์กับไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นประโยชน์กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนไทยให้มีความปลอดภัยด้วยเช่นกัน

“เราต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับมิติด้านความมั่นคงในภูมิภาค เพื่อป้องกันไม่ให้ปัจจัยที่ไม่พึงปรารถนาแทรกซึมเข้ามาใช้ดินแดนของไทยในการดำเนินกิจกรรมที่อาจสร้างความยากลำบากต่อประเทศไทย ต่อเพื่อน หรือต่อมิตรประเทศของไทย ไม่ว่าจะเป็นในด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม หรือความมั่นคง ซึ่งแม้จะมีการยื่นขอวีซ่า ปัญหาหลายอย่างก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต”นายดอนกล่าว

Advertisement

อันที่จริงท่าทีของกระทรวงการต่างประเทศที่คัดค้านการให้ฟรีวีซ่า หรือแม้กระทั่งคัดค้านการยกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา ณ ด่านอนุญาตตรวจคนเข้าเมือง หรือ Visa on Arrival (วีโอเอ) เป็นท่าทีที่มีความสม่ำเสมอต่อเนื่องมาตลอด

ย้อนกลับไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลชุดเก่าที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีการนำเรื่องการต่ออายุวีโอเอที่จะหมดอายุในวันที่ 30 เมษายน 2562 ออกไปอีก 6 เดือน คือขยายเวลาเพิ่มเติมให้ครอบคลุมวันที่ 1 พฤษภาคม – 31 ตุลาคม ให้กับคนจาก 21 ประเทศ เข้าสู่การพิจารณา กระทรวงการต่างประเทศก็แสดงความเห็นคัดค้านมาตรการดังกล่าวเช่นกัน

เหตุผลสำคัญประกอบการคัดค้านคือข้อมูลที่นำมาใช้ประกอบการยื่นขอวีซ่าที่สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลกกับการยื่นขอวีโอเอมีความแตกต่างในกระบวนการคัดกรองตัวบุคคลที่จะเดินทางเข้ามาในไทยอย่างมีนัยสำคัญ เพราะการยื่นขอวีโอเอนั้น เอกสารประกอบจะใช้เพียงตั๋วโดยสารเครื่องบินไป-กลับ และหลักฐานการจองที่พักในไทยเท่านั้น ขณะที่การยื่นผ่านสถานทูตและสถานกงสุลใหญ่จะต้องมีเอกสารการเงิน รวมถึงเอกสารยืนยันการประกอบอาชีพของผู้ยื่นขอ

Advertisement

การที่รัฐบาลปัจจุบันได้ประกาศขยายเวลายกเว้นค่าธรรมเนียมวีโอเอเพิ่มขึ้นจากเดิมที่จะครบกำหนดในเดือนตุลาคม 2562 ไปเป็นเดือนเมษายน 2563 โดยครอบคลุมประเทศ 18 ประเทศ ซึ่งรวมถึงจีนและอินเดียด้วยนั้น ในทางหนึ่งแม้จะยังเป็นการเปิดช่องหายใจให้กับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่จะดีกว่าหรือไม่หากเราจะเรียกเอกสารเพิ่มเติมให้เทียบเท่ากับการขอวีซ่าปกติ แม้ว่าเวลาในการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารจะมีจำกัด แต่อย่างน้อยก็เป็นการเพิ่มความรอบคอบและรัดกุมในการคัดกรองผู้ที่จะเดินทางเข้าประเทศให้มากขึ้น

แต่หากต้องการเพิ่มความสะดวกรวดเร็วให้กับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาไทย และยังต้องการจับตลาดนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพตามนโยบายที่รัฐบาลแถลงต่อรัฐสภา มีวิธีอีกมากมายที่จะช่วยคัดกรองคนเข้าประเทศไทยให้ง่ายรวดเร็วยิ่งขึ้น อย่างที่กัลยาณมิตรท่านหนึ่งให้ความเห็นที่น่าสนใจว่า ใครที่มีวีซ่าสหรัฐ อังกฤษ หรือวีซ่าเชงเก้น ก็ควรจะได้รับการพิจารณาอนุมัติวีซ่าไทยได้ง่ายขึ้น และไม่ต้องนำเอกสารมาแสดงประกอบมากนัก เพราะผู้ที่ได้วีซ่าจากประเทศเหล่านั้นย่อมผ่านการคัดกรองมาเป็นอย่างดีแล้ว

หรือไม่ก็หันไปใช้วิธีคิดนอกกรอบแบบที่สถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทยเพิ่งประกาศความร่วมมือกับธนาคารกรุงเทพเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ด้วยการให้เอกสิทธิพิเศษกับผู้ที่มีบัตรเครดิตวีซ่า อินฟินิท ของธนาคารกรุงเทพ ซึ่งจะถือได้ต่อเมื่อมีเงินฝากหรือเงินลงทุนกับธนาคารกรุงเทพ 10 ล้านบาทขึ้นไป ที่จะได้รับบริการพิเศษในการขอวีซ่าเข้าอังกฤษโดยใช้เพียงหนังสือเดินทางกับบัตรเครติดดังกล่าวเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องมีการกรอกเอกสารเป็นปึ๊ก หรือนัดคิวล่วงหน้าแต่อย่างใด

ไทยก็สามารถหันไปจับมือกับธนาคารในประเทศกลุ่มเป้าหมายเพื่ออนุมัติสิทธิพิเศษเช่นเดียวกันนี้ให้กับผู้ที่ถือบัตรเครติดที่มีเงินฝากในประเทศนั้นๆ ตามจำนวนที่เราเห็นว่าเหมาะสมได้เช่นกัน ซึ่งไม่เพียงแต่จะเป็นวิธีที่สร้างสรรค์ แต่ยังเป็นการคัดกรองกลุ่มนักท่องเที่ยวเป้าหมายที่ไทยต้องการให้มาเยือนได้อีกด้วย

หันไปดูข้อมูลด้านผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมและการใช้ทรัพยากร นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้กล่าวในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า นักท่องเที่ยวจะทิ้งขยะเฉลี่ย 1 กิโลกรัม และใช้น้ำ 150 ลิตรต่อคนต่อวัน หากนักท่องเที่ยวคนหนึ่งใช้เงิน 100 ดอลลาร์สหรัฐ มาเที่ยวไทย 1 ล้านคน เราจะได้เงิน 100 ล้านดอลลาร์ต่อวัน กับขยะ 1 ล้านกิโลกรัม และมีการใช้น้ำ 150 ล้านลิตร แต่หากเราได้นักท่องเที่ยว 500,000 คนที่ใช้เงินวันละ 200 ดอลลาร์สหรัฐ ปริมาณขยะและการใช้น้ำก็จะลดลงครึ่งหนึ่งในจำนวนรายได้ที่เท่าเดิม ซึ่งแน่นอนว่าผลกระทบต่อไทยในด้านต่างๆ รวมถึงประสิทธิภาพในการบริการนักท่องเที่ยวก็น่าจะดีกว่าด้วยเช่นกัน

ความแออัดในแหล่งท่องเที่ยวจากการที่ต้องรองรับนักท่องเที่ยวเกินศักยภาพเป็นประเด็นปัญหาที่ไม่เพียงแต่จะรู้กันในหมู่ผู้ที่อยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเท่านั้น แม้แต่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเที่ยวไทยเองก็ยังเห็นถึงประเด็นปัญหาดังกล่าวเช่นกัน เห็นได้จากดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวไทยไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ซึ่งเป็นรายงานภายใต้โครงการการรายงานและพยากรณ์สถานการณ์พฤติกรรมนักท่องเที่ยวและความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยระบุไว้ชัดเจนว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติให้คะแนนประเมินในเรื่องสาธารณูปโภคด้านคมนาคมคือถนนและรถไฟ และด้านคุณภาพการบริการแท็กซี่ต่ำ ซึ่งเป็นเช่นนี้มตลอด โดยทั้งผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยวยังเห็นสอดคล้องกันว่า แหล่งท่องเที่ยวหลักอย่างกรุงเทพและเชียงใหม่ มีปัญหาจากการรองรับนักท่องเที่ยวเกินศักยภาพอีกด้วย

เมื่อมาดูจากตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนและอินเดียที่เดินทางเข้าประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา โดยเปรียบเทียบจำนวนนักท่องเที่ยวในเดือนพฤศจิกายน 2561 – พฤษภาคม 2562 ในช่วงเวลาที่มีการใช้นโยบายยกเว้นค่าธรรมเนียมวีโอเอกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้ามาดูประกอบกันแล้ว ก็ไม่แน่ใจเช่นกันว่าการยกเว้นค่าธรรมเนียมดังกล่าวจะช่วยเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวจากจีนและอินเดียที่มาเยือนไทยจริงหรือไม่

จากการเปรียบเทียบจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยในช่วงการดำเนินนโยบายเว้นค่าธรรมเนียมวีโอเอกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ในส่วนของนักท่องเที่ยวอินเดียนั้นมีจำนวนผู้เดินทางมาไทยเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดีการเพิ่มขึ้นไม่ได้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง แต่เป็นการเพิ่มขึ้นที่มีแนวโน้มลดลง ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนก็สอดคล้องกันว่า มีผู้ทำวีโอเอเพิ่มมากขึ้น แต่ในภาพรวมแล้วนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยน้อยลง โดยนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา มีเพียงเดือนมกราคมเท่านั้นที่นักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาไทยเพิ่มขึ้นราว 8.40% แต่หลังจากนั้นมา 4 เดือน จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าไทยลดลงทุกเดือน แม้ว่าจะมีมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีโอเอก็ตามที

หากเราต้องการรักษาสถานภาพของไทยในฐานะแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของโลกต่อไป ผู้ที่เกี่ยวข้องควรต้องพิจารณาอย่างรอบคอบและรอบด้าน ยิ่งเมื่อดูจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวไทยแบบมาซ้ำ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนสูงถึงราวร้อยละ 59 สะท้อนให้เห็นว่าเขามีความประทับใจกับประเทศไทยเป็นทุนเดิม ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรให้ความสำคัญกับการปรับปรุงมาตรฐานในด้านต่างๆ อาทิ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การคมนาคม หรือมาตรการรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่จะช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับการท่องเที่ยวไทยได้มากกว่ามาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวชั่วครั้งคราวอย่างฟรีวีซ่า หรือแม้กระทั่งวีโอเอก็ตาม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image