สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่าเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม สำนักข่าวกลางเกาหลี(เคซีเอ็นเอ) ของทางการเกาหลีเหนือ รายงานว่า คิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือทำหน้าที่เป็นประธานในการทดสอบประสิทธิภาพอาวุธใหม่ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา นับเป็นการทดลองอาวุธสงครามครั้งที่ 7 ของเกาหลีเหนือแล้วหลังจากการเจรจาสุดยอดระหว่างนายคิมกับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกาครั้งที่ 2 ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ลงเอยด้วยความล้มเหลวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ต้นปีนี้
ทั้งนี้เคซีเอ็นเอระบุว่า ระบบอาวุธที่ใช้ในการทดลองครั้งนี้คือระบบยิงจรวดแบบหลายหัวรบขนาดใหญ่พิเศษ (เอสแอลเอ็มอาร์แอล) ซึ่งนายไวปิน นารัง รองศาสตราจารย์จากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเสตต์ (เอ็มไอที) ของสหรัฐอเมริกาทวีตข้อความ วิเคราะห์อาวุธใหม่ของเกาหลีเหนือว่า เป็นระบบยิงจรวดใหม่แบบที่ 4 แล้วที่เกาหลีเหนือทดลองมานับตั้งแต่การเจรจาสุดยอดฮานอย
เคซีเอ็นเอ เผยแพร่ภาพนายคิม ยิ้มกว้างอยู่ด้านหน้าของระบบยิงจรวดใหม่ที่ติดตั้งอยู่บนรถ 8 ล้อดังกล่าว พร้อมกับให้ความเห็นว่าระบบอาวุธที่พัฒนาขึ้นมาใหม่นี้ถือเป็นอาวุธที่ยิ่งใหญ่ ทั้งยังแสดงความชื่นชมสูงต่อบรรดานักวิทยาศาสตร์ที่ออกแบบและจัดสร้างระบบยิงจรวดใหม่นี้ขึ้นมา และเสริมว่า เกาหลีเหนือจำเป็นต้องพัฒนาอาวุธใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง “เพราะยังคงมีการคุกคามทางทหารที่น่าผิดหวังไม่หยุดหย่อนและการกดดันเชิงรุกจากกองกำลังที่เป็นปฏิปักษ์” ซึ่งเชื่อว่าเป็นการพาดพิงถึงสหรัฐอเมริกาและเกาหลีใต้ที่เพิ่งเสร็จสิ้นการซ้อมรบร่วมระหว่างกันบนคาบสมุทรเกาหลีไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาท่ามกลางความไม่พอใจของเกาหลีเหนือ
โรด็อง ซินมุน หนังสือพิมพ์ของทางการเกาหลีเหนือเผยแพร่ภาพนายคิมและระบบยิงจรวดหลายหัวรบ พร้อมกับภาพการยิงจรวดเพื่อทดสอบประสิทธิภาพของลำกล้องขนาดใหญ่ที่ติดตั้งไว้กับยานยนต์ 8 ล้อ โดยมีรายงานประกอบระบุว่าการยิงครั้งนี้เพื่อทดสอบประสิทธิภาพของระบบทั้งทางยุทธวิธีและทางเทคนิคว่าถูกต้องตามสเปกที่กำหนดไว้หรือไม่ ผลแสดงให้เห็นว่าระบบสามารถทำงานได้ถูกต้องตรงตามที่กำหนดไว้ล่วงหน้าทุกประการ
ในรายงานของเคซีเอ็นเอ ระบุว่า นายคิม ยังกล่าวด้วยว่า วันที่ 24 สิงหาคม ถือเป็น “วันที่ดีที่เป็นแห่งความทรงจำ” และรื้อฟื้นว่าในวันเดียวกันนี้เมื่อ 3 ปีก่อน เกาหลีเหนือประสบความสำเร็จในการทดลอง “ขีปนาวุธเชิงยุทธศาสตร์ใต้น้ำข้ามทวีปชนิดยิงจากเรือดำน้ำ” ได้เป็นผลสำเร็จ
ทั้งนี้ นายคิม ด็อง ยับ นักวิจัยจากสถาบันศึกษาตะวันออกไกลชี้ให้เห็นว่า คำกล่าวนี้ของนายคิมมีนัยสำคัญมาก และเป็นการส่งสารถึงทรัมป์โดยตรง เพื่อเป็นกดดันด้วยการย้ำว่า ถึงแม้ในช่วงที่ผ่านมาเกาหลีเหนือจะไม่มีการทดลองขีปนาวุธแต่ก็ยังมีขีปนาวุธพิสัยไกลอยู่ในครอบครอง
