สำนักข่าวบีบีซีรายงานเมื่อวันที่ 30 สิงหาคมว่า กระทรวงสาธารณสุขและบริการสังคมของสหรัฐอเมริกากล่าวหาโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยเวอร์มอนท์ (ยูวีเอ็มซี) ในรัฐเวอร์มอนท์ว่าละเมิดกฎหมายสิทธิพลเมืองเนื่องจากบังคับให้นางพยาบาลรายหนึ่งที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก ให้ช่วยทำแท้งให้กับหญิงตั้งครรภ์รายหนึ่ง ทั้งๆที่นางพยาบาลคนดังกล่าวระบุว่าเธอไม่สามารถทำแท้งให้แก่ผู้อื่นได้เพราะขัดต่อความเชื่อทางศาสนาของตน
ในคำร้องของทนายความตัวแทนนางพยาบาลรายนี้ที่ยื่นร้องเรียนต่อกระทรวงสาธารณสุขฯระบุว่า “ตอนแรกเธอได้เข้ารักษาดูแลคนไข้โดยเข้าใจผิดว่าประสบเหตุแท้งบุตร แต่เมื่อเธอได้รับแจ้งว่าเป็นการทำแท้งแล้ว จึงร้องขอให้เจ้าหน้าที่คนอื่นช่วยดูแลแทน แต่กลับถูกปฏิเสธ ทำให้เธอต้องร่วมในการทำแท้งอย่างไม่เต็มใจ แล้วกลายเป็นฝันร้ายนับแต่นั้นมา” โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในปี 2560 และพยาบาลที่เป็นผู้เสียหายไม่ได้ทำงานอยู่ในโรงพยาบาลนี้แล้ว
เมื่อวันที่ 28 สิงหาคมที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขและบริการสังคมได้แจ้งเตือนไปยังยูวีเอ็มซีว่าทางโรงพยาบาลมีเวลา 30 วันที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายสิทธิพลเรือนหรือไม่เช่นนั้นอาจจะต้องเผชิญกับการถูกตัดเงินสนับสนุนจากรัฐบาล
ทั้งนี้บุคลากรด้านสาธารณสุขจะได้รับการคุ้มครองภายใต้กฎหมายรัฐบาลกลางจากการถูกเลือกปฏิบัติบนหลักการนับถือศาสนาหรือความเชื่อทางศีลธรรม ต่อกรณีนี้นายโรเจอร์ เซเวอริโน ผู้อำนวยการสำนักงานสิทธิพลเรือน กระทรวงสาธารณสุขฯ ชี้ว่าเหตุการณ์แบบนี้ “ไม่ควรเกิดขึ้นในอเมริกา”
อย่างไรก็ตามโรงพยาบาลยูวีเอ็มซีออกแถลงการณ์ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยระบุว่าการกล่าวหาดังกล่าวไม่เป็นความจริง เราไม่ได้เลือกปฏิบัติต่อบุคลากรคนใดที่จะแสดงสิทธิของตนเองในที่จะไม่เข้าร่วมในขั้นตอนปฏิบัติงานที่พวกเขาคัดค้าน พร้อมยืนยันว่าทางโรงพยาบาลยังปกป้องอย่างแข็งขันต่อความเชื่อทางศาสนา ศีลธรรมและวัฒนธรรมของบุคลากรในโรงพยาบาลของเรา รวมถึงสิทธิของคนไข้ในการเข้าถึงการทำแท้งอย่างปลอดภัยและถูกต้องตามกฎหมาย
