ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา ออกมายืนยันเมื่อวันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่นว่า การปรับขึ้นกำแพงภาษีกับสินค้านำเข้าจีนของสหรัฐจะมีผลอย่างแน่นอนในวันที่ 1 กันยายนนี้ ทั้งยังอ้างด้วยว่าการสร้างแรงกดดันทางเศรษฐกิจของเขาช่วยบีบบังคับให้จีนต้องใช้ทางสายกลางในการจัดการกับเหตุการณ์ในฮ่องกง
แม้ทรัมป์จะยืนยันตลอดมาว่าการปรับขึ้นกำแพงภาษีกับสินค้านำเข้าจีนมายังสหรัฐจะส่งผลกระทบต่อจีนไม่ใช่สหรัฐ แต่ในความเป็นจริงแล้วการปรับการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น 15% กับสินค้าจีนมูลค่า 112,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะส่งผลกระทบโดยตรงกับผู้บริโภคในสหรัฐที่ต้องเผชิญกับราคาสินค้าอุปโภคบริโภครวมถึงเครื่องใช้ต่างๆ ที่เพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้นับตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนเป็นต้นไป สินค้าอุปโภคบริโภคในสหรัฐซึ่งนำเข้าจากจีนสูงถึง 69% จะเจอกับภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้นอีก 29% ขณะที่ในวันที่ 15 ธันวาคม ที่จะมีการปรับเพิ่มกำแพงภาษีรอบ 2 สินค้าอุปโภคบริโภคถึง 99% จากจีนที่นำเข้ามายังสหรัฐก็จะถูกเก็บภาษีด้วยเช่นกัน
หากดูในภาพรวมการทำสงครามการค้ากับจีนตามนโยบายของทรัมป์จะทำให้กำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมายังสหรัฐเพิ่มขึ้นจาก 3.1% ในปี 2560 ขึ้นเป็น 24.3% และจะเป็นครั้งแรกที่สงครามการค้าดังกล่าวส่งผลกระทบโดยตรงกับข้าวของที่มีการซื้อขายกันในสหรัฐตั้งแต่เสื้อผ้า รองเท้า ของเล่นเด็กเครื่องใช้ไฟฟ้า ไปจนถึงอาหารการกิน
ประธานาธิบดีสหรัฐยังระบุด้วยว่า แรงกดดันทางเศรษฐกิจต่อจีนมีส่วนช่วยในการป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ทำการปราบปรามกลุ่มเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง สิ่งที่เขาทำลงไปช่วยให้อุณหภูมิการเมืองในฮ่องกงไม่ร้อนแรงขึ้น
