สำนักข่าวเอเอฟพีและบีบีซีรายงานว่า รัฐบาลอาร์เจนตินาประกาศใช้มาตรการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ หวังทำให้ตลาดเงินและเศรษฐกิจของประเทศกลับมามีเสถียรภาพมากขึ้น หลังจากอาร์เจนตินต้องเผชิญกับวิกฤตทางการเงินที่ทำให้เห็นสกุลเงินเปโซของอาร์เจนตินาอ่อนค่าลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
ภายใต้มาตรการนี้ที่มีการประกาศเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 กันยายน และคาดว่าจะใช้ไปจนถึง 31 ธันวาคม กำหนดให้บริษัทผู้ส่งออกจะต้องขออนุญาตจากธนาคารกลางในการแลกเปลี่ยนเงินเปโกับสกุลเงินต่างประเทศ และการโอนเงินไปต่างประเทศก็จะต้องขออนุญาตจากทางการเช่นกัน ในส่วนของบุคคลที่ต้องการจะแลกซื้อเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐนั้นยังถูกจำกัดให้แลกได้ต่อเดือนรายละไม่เกิน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ ทว่าจะไม่มีการจำกัดการถอนเงินสกุลดอลลาร์จากบัญชีธนาคารแต่อย่างใด
ธนาคารกลางอาร์เจนตินาระบุว่ามาตรการพิเศษต่างๆดังกล่าวเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินของประเทศ โดยนอกจากมาตรการข้างต้นแล้ว รัฐบาลอาร์เจนตินายังจะขอเลื่อนการชำระหนี้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ)ออกไป เพื่อที่จะจัดการปัญหาวิกฤตการเงินของประเทศก่อน หลังจากเงินเปโซของอาร์เจนตินาอ่อนค่าลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากการสูญเสียความเชื่อมั่นหลังจากประธานาธิบดีเมาริซิโอ มาครี ผู้นำรัฐบาลที่เป็นมิตรต่อภาคธุรกิจ ได้พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบแรกที่มีขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ และยังมีทีท่าว่นายมาครีอาจจะปราชัยในการเลือกตั้งรอบตัดเชือกที่จะมีขึ้นในเดือนตุลาคมนี้อีกด้วย
ทั้งนี้อาร์เจนตินากำลังตกอยู่ในภาวะถดถอย โดยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อสูงที่สุดในโลก ซึ่งในครึ่งปีแรกของปีนี้ อัตราเงินเฟ้อเงินของอาร์เจนตินาอยู่ที่ 22 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ช่วงไตรมาสแรกของปีนี้เศรษฐกิจของอาร์เจนตินาหดตัวลงอยู่ที่ 5.8 เปอร์เซ็นต์ หดตัวลงจากปีที่แล้ว 2.5 เปอร์เซ็นต์ และ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อาร์เจนตินายังแสดงความประสงค์ที่ต้องการจะปรับโครงสร้างหนี้กับไอเอ็มเอฟด้วยการขยายเวลาการชำระหนี้ออกไป ส่งผลให้บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อชั้นนำอย่าง สแตนดาร์ดแอนด์พัวร์ และ ฟิตช์ ปรับลดเครดิตความน่าเชื่อถือของอาร์เจนตินาลง โดยมองว่าการขอยืดเวลาชำระหนี้ดังกล่าวเป็นการผิดนัดชำระ
