เมื่อวันที่ 9 กันยายน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า องค์การอนามัยโลก(ฮู)เผยแพร่รายงานชี้ให้เห็นตัวเลขสุดช็อกว่า ในทุกๆ 40 วินาที จะมีคนก่อเหตุฆ่าตัวตายเกิดขึ้นในโลก 1 ราย และในแต่ละปีจำนวนคนที่ฆ่าตัวตายยังมีมากกว่าจำนวนผู้เสียชีวิตในภาวะสงครามเสียอีก โดยการผูกคอตาย การกินยาตาย และการยิงตัวตาย เป็นวิธีปกติทั่วไปที่คนส่วนใหญ่เลือกใช้ในการจบชีวิตตัวเอง
“การฆ่าตัวตายถือเป็นปัญหาด้านสาธาณสุขโลก คนทุกวัย ทุกเพศและทุกภูมิภาคของโลกต่างได้รับผลกระทบและต่างสูญเสีย” รายงานของฮูระบุ และว่า การฆ่าตัวตายเป็นสาเหตุใหญ่อันดับ 2 ของการเสียชีวิตในหมู่วัยรุ่น ช่วงอายุระหว่าง 15-29 ปี รองจากการบาดเจ็บบนท้องถนน และในกลุ่มวัยรุ่นหญิงอายุระหว่าง 15-19 ปี การฆ่าตัวตายเป็นสาเหตุการตายใหญ่อันดับ 2 ของคนกลุ่มนี้รองจากการเสียชีวิตที่มาสาเหตุจากสภาวะการเป็นแม่ ส่วนในกลุ่มวัยรุ่นชาย การฆ่าตัวตายเป็นสาเหตุหลักอันดับ 3 ที่คร่าชีวิตรองจากการบาดเจ็บบนท้องถนนและจากเหตุความรุนแรง
ขณะที่โดยรวมแล้วจำนวนคนฆ่าตัวตายในแต่ละปีมีมากถึงเกือบ 800,000 ราย ซึ่งมากกว่าจำนวนผู้เสียชีวิตด้วยโรคมาลาเรีย หรือโรคมะเร็งเต้านม หรือจำนวนผู้เสียชีวิตในภาวะสงครามหรือการฆาตกรรมด้วย
รายงานของฮูยังพบอีกว่า ในประเทศร่ำรวย อัตราการฆ่าตัวตายของผู้ชายมากกว่าผู้หญิงถึงเกือบ 3 เท่า ตรงข้ามกับในประเทศที่มีรายได้น้อยหรือรายได้ปานกลางที่พบว่าอัตราการฆ่าตัวของผู้หญิงและผู้ชายมีจำนวนพอๆกัน
นายทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ของฮู กล่าวว่า การฆ่าตัวตายเป็นสิ่งที่ป้องกันได้ พร้อมกับเรียกร้องให้ทุกประเทศรวมยุทธศาสตร์การป้องกันการฆ่าตัวตายเข้าไว้ในโครงการสาธารณสุขและการศึกษาของชาติ โดยฮูยังชี้ว่าการควบคุมการเข้าถึงยาฆ่าแมลงยังเป็นวิธีการลดการฆ่าตัวตายได้อย่างมีประสิทธิผลวิธีการหนึ่งด้วย
