เดวิด คาเมรอน อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษแห่งพรรคอนุรักษนิยม ในวัย 52 เปิดใจกับหนังสือพิมพ์เดอะ ไทม์ส เมื่อวันที่ 13 กันยายน ก่อนหน้าการเปิดตัวผลงานเขียนเรื่อง “ฟอร์ เดอะ เรคคอร์ด” หนังสือบันทึกความทรงจำของนายคาเมรอนเอง ซึ่งเจ้าตัวกล่าวว่าเขาไม่เสียใจกับการเป็นผู้เริ่มดำเนินการให้มีการจัดทำประชามติว่าด้วยเรื่องเบร็กซิท หรือการถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป(อียู)ของอังกฤษ แม้ผลประชามติที่ปรากฎออกมาจะทำให้เขารู้สึกผิดหวังอย่างมากและรู้ดีว่าหลายคนอาจจะไม่ให้อภัยเขาเลยก็ตาม
โดยคาเมรอน ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษนาน 6 ปี ประสบความล้มเหลวในการนำกลุ่ม”รีเมน” หรือกลุ่มผู้สนับสนุนให้อังกฤษอยู่ร่วมในอียู พ่ายแพ้กลุ่ม “ลีฟ” หรือผู้สนับสนุนให้ออกจากอียู ในการทำประชามติว่าด้วยเบร็กซิทในปี 2559 ที่รัฐบาลคาเมรอนเป็นผู้ดำเนินการจัดให้ลงประชามติ ตามคำมั่นที่คาเมรอนเคยสัญญาไว้กับชาวอังกฤษในการหาเสียงเลือกตั้ง
ในการให้สัมภาษณ์เดอะ ไทม์ คาเมรอนกล่าวหานายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษในขณะนี้ ที่เป็นเพื่อนเก่าสมัยเรียนว่าปฏิบัติตัวอย่างน่าตกใจในระหว่างการนำรณรงค์หาเสียงแยกตัวออกจากอียูก่อนหน้าที่จะมีการลงประชามติเกิดขึ้น
คาเมรอนยังวิพากษ์วิจารณ์ยุทธศาสตร์ในการจัดการเรื่องเบร็กซิทของจอห์นสัน ซึ่งรวมถึงการตัดสินใจให้ปิดประชุมรัฐสภานาน 5 สัปดาห์ก่อนหน้ากำหนดเส้นตายเรื่องเบร็กซิทจะมีผลในวันที่ 31 มีนาคมนี้ รวมถึงการสั่งขับส.ส. 21 คนในพรรคอนุรักษนิยมด้วย หลังจากส.ส.กลุ่มนี้โหวตคัดค้านแผนการทำเบร็กซิทแบบไร้ข้อตกลง(โน-ดีล)ของนายจอห์นสัน
ในหนังสือบันทึกความทรงจำเล่มนี้ของคาเมรอนที่แยกเป็น 2 ส่วนสำคัญ ส่วนแรกเป็นการแสดงความรู้สึกเสียใจของคาเมรอนที่เขาไปเจรจากับผู้นำอียูก่อนที่จะจัดทำประชามติ และอีกส่วนเป็นเรื่องราวในระหว่างการรณรงค์หาเสียง ซึ่งคาเมรอนกล่าวว่าทุกวันที่เขาคิดถึงเรื่องนี้ ถึงการลงประชามติและข้อเท็จจริงที่ว่าเราเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ตลอดจนผลลัพท์และสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นตามมา มันทำให้เขาเป็นกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
“มันเป็นความเจ็บปวดของประเทศ และเป็นความเจ็บปวดที่ต้องเฝ้าดูสิ่งที่เกิดขึ้น” อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าว และว่า เขาไม่คิดว่าโน-ดีล เบร็กซิท เป็นความคิดที่ดีและอาจก่อผลลัพท์ที่แย่ตามมาได้ พร้อมกับแนะว่าการทำประชามติครั้งที่ 2 อาจจะเป็นหนทางในการผ่าทางตันเรื่องเบร็กซิท
