รายงาน : สถานทูตไทยในคาซักสถาน พาสำรวจ’เส้นทางสายไหมใหม่’

เมื่อไม่นานมานี้สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศคาซักสถาน นำโดย ท่านทูตรัศม์ ชาลีจันทร์ ได้นำคณะผู้ประกอบการด้านโลจิสติกส์ชั้นนำของไทยและผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ รวมสำรวจลู่ทางความร่วมมือด้านคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ ที่เมืองอัลมาตี้ ประเทศคาซัคสถาน

ปัจจุบันปริมาณการค้าระหว่างไทยกับคาซัคสถาน ตลอดจนในประเทศแถบเอเชียกลางยังไม่สูงนัก ส่วนหนึ่งมีสาเหตุจากปัญหาการขนส่งสินค้าทางอากาศที่มีค่าใช้จ่ายสูง ในขณะที่การขนส่งทางทะเลจะใช้เวลานานมาก ท่านทูตรัศม์เล็งเห็นว่าประเด็นเรื่องโลจิสติกส์จึงถือเป็นโจทย์สำคัญที่ท้าทายเป้หมายในการเพิ่มพูนการค้าระหว่างกัน

ระหว่างการเดินทาง คณะได้พบปะกับผู้แทนบริษัท DAMU Logistics ผู้แทนบริษัท Perfect Companion ซึ่งเป็นบริษัทไทยที่ส่งสินค้าออกมายังคาซัคสถาน และผู้แทน Association of National Forwarders of Kazakhstan (ANEK) ทั้งยังได้เดินทางไปสำรวจเส้นทางจุดเชื่อมขนส่งสินค้าท่าเรือทางบกที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ Khorgos ซึ่งติดชายแดนจีน โดยเขตเศรษฐกิจพิเศษนี้ตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2554 เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทางของจีน (Belt and Road Initiative หรือบีอาร์ไอ) ที่จะเชื่อมเอเชียและยุโรปทางบกผ่านทางรถไฟ และยังเป็นทางเลือกขนส่งสินค้าที่มีประสิทธิภาพ แทนการขนส่งทางอากาศที่มีราคาแพง ขณะที่การขนส่งสินค้าทางเรือก็ใช้เวลานาน

ท่านทูตรัศม์ ชาลีจันทร์

ท่านทูตรัศม์กล่าวว่า การสำรวจท่าเรือทางบกและเขตเศรษฐกิจพิเศษ Khorgos ที่ชายแดนคาซัคสถานกับจีนทำให้เราได้เห็นภาพ และเห็นว่าเส้นทางขนส่งสินค้าทางบก จากเอเชียไปยุโรปโดยทางรถไฟ จะเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ใหม่ที่สำคัญมากในอนาคตอันใกล้นี้ นี่คือ “เส้นทางสายไหมใหม่” และเป็นส่วนสำคัญของการเชื่อมโยงด้านเศรษฐกิจการค้าตามข้อริเริ่มบีอาร์ไอของจีน

Advertisement

ท่านทูตรัศม์ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้เส้นทางนี้สามารถขนส่งสินค้าจากท่าเรือในจีน ผ่านทางรถไฟไปยังยุโรปได้ในเวลาเพียงประมาณ 15 วัน ในขณะที่ทางเรือใช้เวลาเป็นเดือน และเมื่อเปรียบเทียบกับการขนส่งทางอากาศ จะมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าและสามารถขนส่งในปริมาณที่มากกว่าหลายเท่าอีกด้วย นี่จึงเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญ

“ตรงนี้จึงเป็นความท้าทาย และโจทย์สำคัญที่ภาครัฐและเอกชนไทยจะต้องผนึกกำลังที่จะหาทางฉกฉวยใช้ประโยชน์จากเส้นทางนี้ให้ได้อย่างเต็มที่ เพราะจะมีผลสำคัญอย่างมากต่อการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดโลก”ท่านทูตรัศม์กล่าว

นอกจากการสำรวจศักยภาพของเส้นทางดังกล่าวแล้ว สถานทูตไทยในคาซักสถานยังได้ถือโอกาสที่ผู้ประกอบการไทยเดินทางมาลงพื้นที่จัดกิจกรรมการจับคู่ธุรกิจกับผู้ประกอบการคาซัคสถาน ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

Advertisement

การสำรวจลู่ทางตามโครงการครั้งนี้ จึงถือเป็นโอกาสอันดีของผู้ประกอบการและหน่วยงานของไทย ที่จะนำข้อมูลที่ได้รับไปใช้ประโยชน์การเชื่อมต่อทั้งเส้นทางขนส่งและเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ เพื่อเพิ่มพูนขีดความสามารถในการแข่งและการเข้าสู่ตลาดโลกของสินค้าไทยต่อไปในอนาคต

“เราหวังว่าโครงการนี้จะช่วยจุดประกายและช่วยเร่งให้ทุกฝ่ายตระหนักถึงความสำคัญของเส้นทางนี้ และช่วยกันศึกษาและดำเนินการผลักดันให้ไทยสามารถเข้าเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหมใหม่นี้ได้อย่างแท้จริงโดยเร็วต่อไป”ท่านทูตรัศม์สรุป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image