เมื่อวันที่ 19 กันยายน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า กัมพูชากำลังร่างแผนการที่จะควบคุมการเก็บค่าธรรมเนียมจัดหางานของบริษัทนายหน้าจัดหางานที่เรียกเก็บจากชาวกัมพูชาที่ต้องการเดินทางไปทำงานในต่างประเทศ ทั้งนี้เพื่อควบคุมการเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายและปกป้องแรงงานจากการถูกเอารัดเอาเปรียบและตกเป็นทาสยุคใหม่
แผนการนี้ได้รับการเปิดเผยจากนายหร อุษาภี เจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศกัมพูชาในสัปดาห์นี้ที่กล่าวว่า กัมพูชากำลังสรุปแผนงานนี้ที่จะทำให้กัมพูชาอยู่ในเกณฑ์เดียวกับ ไทย ซึ่งเป็นตลาดแรงงานหลักในภูมิภาค และเมียนมา ที่ไม่อนุญาตให้นายหน้าจัดหางานเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการจัดหางานในต่างประเทศจากแรงงานเกินกว่าในอัตราเทียบเท่ากับ 100 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3,000 บาท) โดยชี้ว่าก้าวแรกที่กัมพูชาจะต้องทำคือการควบคุมการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจัดหางานของบริษัทนายหน้า ส่วนเป้าหมายสุดท้ายคือจะไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมใดๆจากแรงงาน แต่นายจ้างและบริษัทจัดหางานจะเป็นผู้แบกรับค่าใช้จ่ายนี้เอง
กลุ่มนักเคลื่อนไหวระบุว่ามีชาวกัมพูชาที่อาศัยและทำงานอยู่ในต่างประเทศมากกว่า 2 ล้านคน ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศไทย ที่มีแรงงานชาวกัมพูชาซึ่งไม่มีใบอนุญาตทำงานอยู่นับหลายแสนคน เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายสูง ซึ่งยังส่งผลให้แรงงานผิดกฎหมายเหล่านี้มีความเสี่ยงที่จะถูกล่วงละเมิดสิทธิ์ได้ง่าย ขณะที่เครือข่ายการย้ายถิ่นในลุ่มน้ำโขงให้ข้อมูลว่า แรงงานกัมพูชาที่เข้ามาทำงานในไทยผ่านช่องทางที่ถูกต้อง ต้องจ่ายเงินให้กับบริษัทจัดหางานถึงรายละ 650 ดอลลาร์(ราว 19,900 บาท) แต่กลุ่มที่ลักลอบเดินทางข้ามชายแดนเข้ามาเองจ่ายเงินเพียง 30 ดอลลาร์(ราว 650 บาท)เท่านั้น
แจ๊กกี้ พอลล็อก ที่ปรึกษาขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ(ไอแอลโอ) ให้ความเห็นถึงมาตรการนี้ว่าการควบคุมค่าธรรมเนียมดังกล่าวอาจจะทำให้เห็นแรงงานย้ายถิ่นอย่างถูกต้องตามกฎหมายมากขึ้น และพวกเขาเหล่านี้จะได้รับการปกป้องคุ้มครองตามกฎหมายและได้รับสิทธิประโยชน์จากระบบประกันสังคมด้วย
