สำนักข่าวเอพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 19 กันยายน หัวเว่ยเปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ “เมท30 ซีรีส์” ที่เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี โดยปราศจากแอพพลิเคชั่นของกูเกิล ไม่ว่าจะเป็นโครม หรือยูทูบ อันเป็นผลจากการที่สหรัฐประกาศห้ามบริษัทอเมริกันทำธุรกรรมใดๆกับหัวเว่ย
อย่างไรก็ตาม เมท30 ซีรีส์ ซึ่งรองรับเครือข่าย5จี แล้ว ยังคงทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ของกูเกิล ที่เป็นเวอร์ชั่นโอเพนซอร์ส แต่ไม่มี “กูเกิล เพลย์ สโตร์” ซึ่งเป็นช่องทางหลักในการเข้าไปโหลดแอพพลิเคชั่น
ด้านนายริชาร์ด หยู ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป กล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังการเปิดตัวว่า ลูกค้าสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นด้วยตัวเองจากเว็บไซต์ของบริษัทอื่น และว่า “สำหรับเรา เราไม่สามารถิดตั้งแอพพลิเคชั่นเหล่านี้ให้ได้จริงๆ”
โดย หัวเว่ย เมท30 ซีรีส์ ใช้ชิปเซ็ท คิริน 990 กล้องหลัง 4 ตัว ราคาเริ่มต้นที่ 799 ยูโร และเตรียมวางขายในจีนสัปดาห์หน้า และจะเริ่มขายในยุโรปตั้งแต่เดือนตุลาคม ซึ่งนายหยูกล่าวว่า ตอนที่วางแผนเปิดตัวหัวเว่ย เมท 30 ทางหัวเว่ยไม่ได้คาดคิดว่า ความขัดแย้งทางด้านการค้าจะยืดเยื้อเช่นนี้ และว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ทำให้เราต้องล่าช้าออกไป และยังคงไม่หยุดยั้ง ทำให้หัวเว่ยกลายเป็นหมากในการต่อรองระหว่างประเทศมหาอำนาจ 2 ประเทศ
ทั้งนี้ หัวเว่ย ซึ่งเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก อยู่ระหว่างการต่อสู้เพื่อธุรกิจของตัวเอง หลังจากรัฐบาลสหรัฐของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศห้ามบริษัทของสหรัฐทำธุรกิจกับหัวเว่ย เนื่องจากปัญหาเรื่องความมั่นคงของชาติ
จีน แบ๊ปติสต์ ซู นักวิเคราะห์จากสำนักวิจัย เอเธอร์ตัน กล่าวว่า การที่จะไม่สามารถเข้าถึงแอพพลิเคชั่นของกูเกิลได้ จะทำให้หัวเว่ยทำตลาดได้ยากขึ้นในการสู้กับซัมซุง ผู้ผลิตมือถืออันดับ 1 ของโลก เนื่องจากจะมีความน่าดึงดูดใจที่น้อยลงสำหรับผู้ให้บริการเครือข่ายไร้สาย และไม่คิดว่าผู้ให้บริการเครือข่ายไร้สายจะเสี่ยงที่จะให้ลุกค้าหลายล้านคนที่ไว้ใจในบริการของกูเกิล ต้องผิดหวังกับการใช้งานบนอุปกรณ์ตัวใหม่
อย่างไรก็ตาม นายหยู เปิดเผยด้วยว่า หัวเว่ยได้ทุ่มเงินราว 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในการกระตุ้นให้นักพัฒนาทั่วโลกทำแอพพลิเคชั่นขึ้นมาให้เข้ากับ “แอพพ์ แกลเลอรี่” ของหัวเว่ย ที่มีใช้กันหลักๆในประเทศจีน เพื่อใช้แทน “กูเกิล เพลย์ สโตร์” ของกูเกิล
