สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันที่ 24 กันยายน องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาของอังกฤษ ลงความเห็นเป็นเอกฉันท์ พิพากษาให้การดำเนินการของนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ที่ส่งผลให้รัฐสภาของอังกฤษไม่สามารถดำเนินการประชุมได้เป็นเวลานาน 5 สัปดาห์ โดยจะเปิดสภาได้ก่อนหน้าที่จะถึงกำหนดเส้นตายเบร็กซิท หรือการพ้นจากสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ในตอนสิ้นเดือนตุลาคมเพียง 2 สัปดาห์ เป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมาย ดังนั้น รัฐสภาจึงไม่ได้ถูกระงับการประชุมตามคำสั่งดังกล่าว
โดยคณะศาลฎีการะบุว่าเหตุผลในคำแนะนำซึ่งนายกรัฐมนตรีทูลเกล้าฯถวายต่อสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 นั้น ไม่มีความชอบธรรมที่จะรองรับการระงับการดำเนินงานเป็นเวลานานดังกล่าว และการระงับการดำเนินงานของสภาดังกล่าวส่งผลกระทบถึงพื้นฐานของประชาธิปไตยของเราสูงสุด
เลดี เฮล ประธานศาลฎีกา กล่าวหลังจากอ่านคำพิพากษาครั้งประวัติศาสตร์ดังกล่าวว่า ขอให้สมาชิกสภาทุกคนดำเนินการตามขั้นตอนในทันทีที่จะจัดการประชุมรัฐสภาขึ้นมาใหม่
ซึ่งนายจอห์น เบอร์คาว ประธานสภาสามัญ แสดงความชื่นชมต่อคำพิพากษานี้ และระบุว่า รัฐสภาจำเป็นต้องจัดการประชุมขึ้นในทันที และจะหารือกรณีนี้เป็นการเร่งด่วนกับผู้นำของพรรคการเมืองทั้งหมด
รายงานข่าวระบุว่า ไม่กี่นาทีหลังจากมีการประกาศคำพิพากษานี้ออกมา สมาชิกรัฐสภาอังกฤษก็เริ่มเดินทางเข้าประชุมที่ห้องประชุมสภาสามัญ
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลประกาศว่าจะปฏิบัติตามคำพิพากษาใดๆของศาลฎีกา อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ นายกรัฐมนตรีจอห์นสัน กำลังอยู่ระหว่างร่วมประชุมสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา