สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันเฉลิมฉลอง 70 ปีวันก่อตั้งประเทศจีน รัฐบาลได้หวันได้ถือโอกาสนี้ในการประณามจีนว่าเป็นพวก “เผด็จการ” และเป็นประเทศที่เป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพและพยายามที่จะหาข้ออ้างเพื่อขยายอำนาจขอบเขตทางทหาร
ทั้งนี้ ปี ค.ศ.1949 ซึ่งเป็นปีที่สาธารณรัฐประชาชนจีนก่อตั้งขึ้น เป็นปีเดียวกับที่รัฐบาลก๊กมินตั๋ง ที่นำโดย เจียง ไค เช็ค หลบหนีไปตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นที่ไต้หวัน หลังจากพ่ายให้กับกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (พีแอลเอ) ที่นำโดยเหมา เจ๋อ ตุง และจีนได้อ้างสิทธิในการปกครองไต้หวันมาโดยตลอด
ขณะที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน กล่าวในพิธีสวนสนามครั้งใหญ่ปีนี้ว่า จีนจะสนับสนุนการพัฒนาสันติภาพด้านความสัมพันธ์กับไต้หวันและจะเดินหน้าอย่างหนักเพื่อการรวมประเทศอย่างสมบูรณ์ของแผ่นดินแม่
โดยสภากิจการแผ่นดินใหญ่ ของไต้หวัน ได้ออกมาตอบโต้การแสดงความเห็นของนายสีดังกล่าว โดยระบุว่า ไต้หวันจะไม่ยอมรับระบบการปกครองแบบ “1ประเทศ 2 ระบบ” ที่จีนใช้ในการปกครองฮ่องกงกับมาเก๊า ซึ่งรัฐบาลปักกิ่งเองวมองว่าเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการได้ชัยชนะเหนือไต้หวัน
แถลงการณ์ของสภากิจการแผ่นดินใหญ่ ระบุว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีน ยังคงดื้อด้านที่จะเป็นเผด็จการ 1 พรรคมานานถึง 70 ปี ด้วยแนวคิดของการปกครองที่ละเมิดต่อคุณค่าของประชาธิปไตย เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน อีกทั้งยังเป็นความเสี่ยงและความท้าทายต่อการพัฒนาของจีนแผ่นดินใหญ่
“มัวแต่ตะโกนร้องเรื่องความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน การกลับมายิ่งใหญ่ และการรวมกัน ซึ่งเป็นเพียงแค่ข้อกล่าวอ้างในการขยายขอบเขตของกองทัพ ซึ่งเป็นภัยคุกคามอย่างร้ายแรงต่อสันติภาพในภูมิภาค และต่อประชาธิปไตยโลก รวมถึงความศิวิไลซ์” แถลงการณ์ระบุ และว่า ไต้หวันเป็นประชาธิปไตยมากว่า 30 ปี จีนควรจะใช้ช่วงเวลานี้ในการสะท้อนให้เห็นและผลักดันให้เกิดประชาธิปไตย
“เชือกแห่งการอยู่รอดและการพัฒนาของจีนแผ่นดินใหญ่ ไม่ได้ผูกติดอยู่กับคนหนึ่งคนและพรรคเพียงพรรคเดียว” สภาฯระบุ
