สำนักข่าวเอพีรายงานว่า เกิดเหตุเครื่องบินทิ้งระเบิดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ประสบเหตุตกบริเวณนอกสนามบินนานาชาติแบรดลีย์ เมืองวินเซอร์ ล็อกส์ รัฐคอนเนตทิคัต สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา หลังจากเครื่องยนต์ของเครื่องบินเกิดปัญหาขัดข้องหลังทะยานออกได้ไม่นาน โดยอุบัติเหตุดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 ราย
โดยเครื่องบินที่ประสบอุบัติเหตุครั้งนี้ เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิด บี-17 สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แบบ 4 เครื่องยนต์ เกิดการขัดข้องขณะอยู่บนท้องฟ้า ก่อนจะร่วงลงสู่บริเวณอาคารบำรุงรักษาของสนามบินนานาชาติแบรดลีย์ ขณะที่นักบินพยายามบินวนกลับเพื่อนำเครื่องบินลงจอด โดยบนเครื่องมีผู้โดยสาร 10 คน และลูกเรืออีก 3 คน
นายเจมส์ โรเวลลา คณะกรรมาธิการความปลอดภัยสาธารณะคอนเนตทิคัต กล่าวว่า ไม่กี่ชั่วโมงหลังเครื่องบินตก ร่างของเหยื่อบางส่วนที่อยู่บนเครื่องก็ถูกเผาไหม้ จนยากที่จะระบุได้ว่าเป็นใครบ้าง ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตซึ่งตอนนี้อยู่ที่ 7 ราย อาจจะมีเพิ่มสูงขึ้นอีก
นอกจากนี้ ยังมีผู้รอดชีวิตบางคนที่มีอาการสาหัส โดยมีเหยื่อรายหนึ่งที่อยู่บนพื้นดินได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุดังกล่าว และมีพนักงานดับเพลิงคนหนึ่งที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ไม่มีเด็กอยู่บนเครื่องแต่อย่างใด
ทางการคอนเนตทิคัต ระบุว่า เครื่องบินที่เกิดอุบัติเหตุลำดังกล่าว ได้เลิกใช้งานไปแล้ว แต่เป็นเครื่องที่มีการลงทะเบียนไว้โดยมูลนิธิคอลลิงส์ และกำลังจะให้นำเครื่องบินโบราณลำนี้ไปแสดงที่สนามบิน
ทั้งนี้ เครื่องบินทิ้งระเบิด บี-17 ลำนี้ รู้จักกันในชื่อ “ฟลายอิง ฟอร์เทรส” เป็นหนึ่งในเครื่องบินที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของฝ่ายสัมพันธมิตร ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อุบัติเหตุครั้งนี้ นอกจากจะสูญเสียชีวิตผู้คนแล้ว ยังเป็นการสูญเสียเครื่องบินโบราณที่มีคุณค่าไปอีกลำหนึ่ง
ด้านคณะกรรมการความปลอดภัยด้านการขนส่งแห่งชาติ (เอ็นทีเอสบี) ได้ส่งทีมเจ้าหน้าที่ 10 คนลงพื้นที่ตรวจสอบอุบัติเหตุดังกล่าวแล้ว
ทั้งนี้ มูลนิธิคอลลิงส์ ระบุว่า เครื่องบินบี-17 ที่ประสบเหตุตกครั้งนี้ สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1945 และไม่ทันได้ใช้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 สงครามก็ได้จบลงเสียก่อน จึงได้มีการนำมาใช้เพื่อปฏิบัติการช่วยเหลือและขนส่งทางอากาศของกองทัพ โดยมูลนิธิคอลลิงส์ซื้อมาเมื่อปี 1986
