สำนักข่าวรอยเตอร์ เอเอฟพีและบีบีซีรายงานว่า ผลสำรวจของโออาร์บีร่วมกับหนังสือพิมพ์ ดิ อินดิเพนเดนต์ ของอังกฤษ เผยแพร่เมื่อวันที่ 10 มิถุนายนระบุว่า ฝั่งที่สนับสนุนให้อังกฤษออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) หรือเบร็กซิท มีคะแนนนำฝั่งสนับสนุนให้อยู่ต่อ 10 จุด นับเป็นการนำห่างมากที่สุดของฝั่งหนุนเบร็กซิทตั้งแต่มีการสำรวจความคิดเห็นในเรื่องนี้เป็นครั้งแรกเมื่อราว 1 ปีที่ผ่านมา ในขณะที่เหลือเวลาอีกเพียงไม่ถึง 2 สัปดาห์ก่อนหน้าที่จะมีการจัดลงประชามติในเรื่องนี้ขึ้น
ชาวอังกฤษจะออกมาลงคะแนนในวันที่ 23 มิถุนายนนี้เพื่อเลือกว่าจะอยู่หรือออกจากการเป็นสมาชิกอียูที่เป็นการรวมกลุ่มประชาคมของ 28 ชาติและมีขนาดของเขตเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก นับเป็นการตัดสินใจที่จะส่งผลต่อนัยยะทางการเมือง เศรษฐกิจ ความมั่นคง และผู้อพยพสำหรับชาติในยุโรปทั้งหมดด้วย
อย่างไรก็ตาม กลุ่มรณรงค์ให้อังกฤษออกจากอียูอย่างเป็นทางการทวีตข้อความว่า “เราไม่เชื่อผลสำรวจของโออาร์บี โดยข้อมูลที่เรามีอยู่ระบุว่าถึงตอนนี้คะแนนยังคงใกล้เคียงกันมากอยู่ที่ 50-50”
ทั้งนี้ ผลสำรวจของโออาร์บีที่สอบถามกลุ่มตัวอย่าง 2,000 คนผ่านทางออนไลน์ระหว่างวันที่ 8-9 มิถุนายน ระบุว่าฝั่งที่สนับสนุนเบร็กซิทมี 55 เปอร์เซ็นต์ ส่วนฝั่งสนับสนุนให้อยู่ต่อได้ 45 เปอร์เซ็นต์ โดยผลสำรวจนี้ไม่มีช่องคำตอบที่ระบุว่า “ไม่รู้” โดยให้ผู้ถูกสำรวจตัดสินใจว่ามีแนวโน้มจะเลือกฝั่งไหนมากกว่า
วันเดียวกัน บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือฟิตช์เรตติ้งส์ ยังคงอันดับความน่าเชื่อถือของอังกฤษอยู่ที่ “AA+” แต่เตือนว่า หากอังกฤษเลือกที่จะมุ่งหน้าสู่เส้นทางของเบร็กซิท อาจถูกปรับลดอันดับลงได้ ขณะที่ยังจัดให้ภาพรวมอยู่ที่ “มีเสถียรภาพ” แต่ย้ำว่าเป็นการประเมินจากพื้นฐานว่าอังกฤษยังคงเป็นสมาชิกอียูเท่านั้น
“ฟิตช์เชื่อว่าการลงมติออกจากอียูจะส่งผลลบต่ออังกฤษในระดับปานกลาง โดยจะกระทบอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจและการลงทุนในระยะกลางจากสถานะความเป็นประเทศวงนอก และอนาคตของสกอตแลนด์จะไม่แน่นอนตามไปด้วย” แถลงการณ์ระบุ
ขณะที่กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำชาวอังกฤษเจ้าของรางวัลโนเบล 13 คน รวมถึงจอห์น เกอร์ดอน ปีเตอร์ ฮิกส์ และพอล เนิร์ส ประกาศสนับสนุนให้อังกฤษอยู่กับอียูต่อไป โดยในจดหมายเปิดผนึกส่งถึงหนังสือพิมพ์ เดอะ เดลีเทเลกราฟ ฉบับตีพิมพ์วันที่ 11 มิถุนายน ระบุว่า เบร็กซิทจะส่งผลเสียต่องานวิจัย เนื่องจากอียูอนุญาตให้นักวิทยาศาสตร์สามารถเคลื่อนย้ายและเข้าร่วมในการทำงานวิจัยอย่างอิสระซึ่งวิถีทางดังกล่าวจะเปลี่ยนไปหากอังกฤษออกจากอียู งบประมาณด้านการวิจัยจะถูกตัดลดลงด้วย หากปราศจากข้อบังคับการจัดสรรงบประมาณของอียู
ด้านบริษัทรับพนันถูกกฎหมายในอังกฤษทั้งแลดโบรกส์และวิลเลียม ฮิลล์ต่างมั่นใจมากว่า ฝั่งที่ลงมติให้อังกฤษอยู่ต่อจะชนะ โดยแลดโบรกส์ให้โอกาสที่อังกฤษจะอยู่กับอียูต่อไปสูงถึง 73 เปอร์เซ็นต์
