ที่มา | นสพ.มติชน รายวัน |
---|---|
เผยแพร่ |
ที่จังหวัดระนอง กระทรวงการต่างประเทศยังได้จัดกิจกรรมสัมมนานักจัดรายการวิทยุมุสลิมระดับภูมิภาค ซึ่ง นายสุวัฒน์ จิราพันธุ์ รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศระบุว่านอกจากเป็นโอกาสที่จะได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกับผู้นำชาวมุสลิมในท้องถิ่น รวมถึงให้ข้อมูลที่อยู่ในความสนใจของพี่น้องมุสลิม อาทิ การเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์แล้ว ยังเป็นโอกาสที่จะทำให้ประชาชนในพื้นที่รับรู้ถึงท่าทีของกระทรวงการต่างประเทศในเรื่องต่างๆ

รองปลัดสุวัฒน์บอกว่า ปัจจุบันนี้โลกของเราแคบลงเรื่อยๆ จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีต่างๆ
สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกก็สามารถรับรู้กันได้ทันทีซึ่งมีทั้งข้อดีข้อเสีย เพราะการรับรู้ที่รวดเร็วอาจมีการสื่อสารข้อมูลที่ยังไม่ตรวจสอบให้ถูกต้อง การที่กระทรวงการต่างประเทศได้มาพบกับพี่น้องในพื้นที่และมาให้ข้อมูลในเรื่องต่างๆ จะเป็นพื้นฐานให้มีตัวช่วยสำหรับการกลั่นกรองข้อมูลเหล่านั้น
ในฐานะที่เป็นชาวมุสลิมเช่นกัน รองปลัดสุวัฒน์ยังให้แง่คิดที่น่าสนใจว่า ไทยมีเอกอัครราชทูตอยู่ในประเทศมุสลิมไม่น้อย และยังเป็นผู้สังเกตการณ์ในองค์การความร่วมมืออิสลาม (โอไอซี) ประเทศไทยเป็นพหุสังคม การอยู่ร่วมกันท่ามกลางความหลากหลายเป็นสิ่งที่ต้องส่งเสริม กระทรวงการต่างประเทศก็จัดกิจกรรมหลากหลายที่ส่งเสริมในประเด็นเหล่านี้ อาทิ การส่งเสริมให้นักเรียนมุสลิมได้ไปเรียนศาสนาในต่างประเทศ เพื่อให้รู้ว่าการอยู่ร่วมกันในสังคมที่หลากหลายไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เพราะการใช้ชีวิตในโลกก็คือการอยู่ร่วมกันท่ามกลางคนต่างศาสนานั่นเอง
เมื่อให้ขยายความถึงโครงการบัวแก้วสัญจร รองปลัดสุวัฒน์บอกว่า โครงการนี้เกิดขึ้นมานานถึง 17 ปีแล้ว นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ได้เดินทางไปยังจังหวัดต่างๆ ทั่วไทยแล้ว 42 จังหวัด ภายใต้แนวคิดว่าโลกของเราเล็กลง เราไม่เพียงแต่รับรู้ข้อมูลที่เกิดขึ้นในโลกได้อย่างรวดเร็ว แต่ไทยยังเป็นประเทศที่เปิดรับนักท่องเที่ยว คนไทยเดินทางไปต่างประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการไม่ใช่แค่งานการทูต แต่เป็นสิ่งที่พี่น้องประชาชนจับต้องได้ อาทิ เมื่อเกิดเหตุภัยพิบัติในต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานแรกที่จะเข้าไปดูแลช่วยเหลือคนไทยและยังเป็นหน่วยงานที่จะช่วยประสานงานต่างๆ ด้วย จึงเป็นโอกาสที่ดีที่ข้าราชการของกระทรวงการต่างประเทศจะได้มาพบปะกับชุมชนในพื้นที่และเล่าสู่กันฟังถึงภารกิจของกระทรวง
อันที่จริงไม่ว่าจะในยุคสมัยใดก็ตาม การต่างประเทศก็เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวคนไทยมาตลอด เพราะการดำเนินนโยบายต่างประเทศของไทยจะยึดโยงกับผลประโยชน์ที่คนไทยและประเทศไทยจะได้รับเป็นสำคัญ เพียงแต่ในอดีตที่ผ่านมา โลกยังไม่ถูกเชื่อมต่อด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยเช่นในขณะนี้ การต่างประเทศจึงถูกมองเป็นเรื่องห่างไกล ขณะที่นักการทูตไทยก็ถูกเปรียบเปรยว่าอยู่บนหอคอยงาช้าง ซึ่งเป็นคำพูดที่ไม่ได้สะท้อนความเป็นจริงของการทำงานทั้งหมดของนักการทูตไทยในต่างแดนแม้แต่น้อย
จากจังหวัดระนอง คณะบัวแก้วสัญจรได้เดินทางต่อไปยังจังหวัดชุมพร โดยระหว่างทางได้แวะชมการผลิตกาแฟที่ก้องวัลเลย์ แหล่งปลูกกาแฟโรบัสต้าที่ อ.กระบุรี ของระนองมาแปรรูปผลิตภัณฑ์จากกาแฟคั่วมือเพื่อช่วยเพิ่มมูลค่าของเมล็ดกาแฟท้องถิ่นด้วยองค์ความรู้ที่น่าชื่นชม ซึ่งก็เป็นเรื่องน่าดีใจที่ได้เห็นว่าทางหน่วยราชการไทยกำลังเร่งเก็บข้อมูลเพื่อเตรียมยื่นขอจีไอ หรือ Geographical Indication เพื่อยืนยันว่าเป็นสินค้าที่มีสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ซึ่งไม่เพียงแต่จะทำให้เห็นถึงลักษณะเฉพาะที่พิเศษในเมล็ดกาแฟของกระบุรี แต่ยังจะช่วยเพิ่มมูลค่าของกาแฟในท้องถิ่นนี้ให้เพิ่มสูงขึ้นด้วย
ท่านผู้ว่าฯสมดี คชายั่งยืน ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เล่าให้ฟังว่า ชุมพรเป็นจังหวัดที่ถือเป็นประตูสู่ภาคใต้ของไทย มีเส้นทางติดต่อกับประเทศพม่าห่างออกไปเพียง 50 กิโลเมตร ที่ผ่านมาได้มีการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียนทั้งการพัฒนาถนนที่จะเชื่อมไปยังชายแดนไทย-พม่า และยังมีช่องทางเดินตามธรรมชาติที่ยังไม่เป็นด่านที่ถูกต้องอีกมากซึ่งจะต้องมีการเตรียมการเพื่อให้เป็นช่องทางสำหรับการเชื่อมโยงกับเพื่อนบ้านในอนาคต
นอกจากนี้ยังมีการฝึกภาษา ทั้งภาษาพม่า ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน ซึ่งเป็นประเทศสมาชิกอาเซียน+3 ซึ่งท่านผู้ว่าฯบอกว่าที่ต้องเน้นการเรียนการสอนภาษาจีนเพราะปัจจุบันมีชาวจีนมาเปิดล้งเพื่อรับซื้อผลไม้มากกว่า 200 ล้ง ความพร้อมของภาษาจึงเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ใช่แค่นั้น กระทั่งเรื่องท่องเที่ยวก็ต้องมีการเตรียมความพร้อมด้านภาษาของมัคคุเทศก์ รวมถึงล่ามภาษาพม่าและจีนเพื่อการค้าขาย
ท่านผู้ว่าฯสมดีเล่าว่า ชุมพรพยายามพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทางใต้ของไทย ทั้งมาเลเซียและสิงคโปร์ เกือบทุกสัปดาห์จะเห็นนักท่องเที่ยวขี่มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์จากปาดังเบซาร์ หาดใหญ่ ขึ้นมานอนที่ชุมพร รวมถึงนักท่องเที่ยวจีนที่ขับรถจากเชียงรายลงมาแวะพักที่นี่ก่อนจะไปหาดใหญ่และภูเก็ต ปัจจุบันชุมพรมีโรงแรมเพียงพอที่จะรับนักท่องเที่ยว ผู้ประกอบการก็สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษซึ่งเป็นภาษาพื้นฐานของอาเซียนได้ ชุมพรจึงมีความพร้อมสำหรับการเป็นประตูสู่ภาคใต้ของไทย
เมื่อถามถึงปัญหาที่พบจากนักท่องเที่ยวจีนหรือไม่เพราะในหลายจังหวัดมีเสียงสะท้อนว่าประสบปัญหากับนักท่องเที่ยวจีนที่ขับรถเข้ามาเที่ยวเอง ท่านผู้ว่าฯสมดีบอกว่า จังหวัดมีการสร้างเครือข่ายกับมหาวิทยาลัยที่หนานหนิง ในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ให้มาสอนภาษาที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดได้กว่าหนึ่งปีแล้ว นอกจากนี้ยังมีครูสอนภาษาจีนที่โรงเรียนหลายแห่ง และยังมีเด็กไปเรียนที่จีนพอสมควร
ดังนั้นหากมีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นก็สามารถให้ครูภาษาจีนสื่อสารกับนักท่องเที่ยว ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องภาษาไปได้ นอกจากนี้ ในปีนี้ทางจังหวัดจะจัดอบรมภาษาจีนจากผู้ที่จบมาโดยตรงเป็นคอร์สสั้นๆ 30 ชั่วโมง เพื่อให้รู้คำพื้นฐานอีกด้วย กรณีที่เกิดอุบัติเหตุขึ้น ได้มีการติดต่อกับตำรวจท่องเที่ยวและประกันภัยว่าหากมีปัญหาเรื่องภาษาก็ให้แจ้งจะได้จัดหาล่ามมาช่วยเหลือแก้ไขปัญหา โดยในปีที่ผ่านมาชุมพรยังไม่พบปัญหาเรื่องนักท่องเที่ยวต่างชาติแต่อย่างใด
ในส่วนของความร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศนั้น ท่านผู้ว่าฯสมดีบอกว่า กระทรวงการต่างประเทศเป็นเพียงหน่วยงานเดียวที่ไม่มีคนมาประจำอยู่ในระดับจังหวัด แต่ปัจจุบันมีการติดต่อกับเพื่อนบ้านและไปร่วมประชุมต่างๆ เป็นระยะซึ่งทางจังหวัดก็ต้องรับหน้าที่แทน แม้ชุมพรจะไม่มีพื้นที่ติดชายแดนแต่ก็เป็นช่องทางผ่านจากเกาะสองของพม่าและระนองเข้ามาในไทย การติดต่อส่วนใหญ่จึงเป็นเรื่องไม่เป็นทางการมากกว่า ล่าสุดเพิ่งมีการแยกหน่วยงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองมาจากระนองซึ่งมีสถานะเทียบเท่าสามารถลงตราประทับและต่ออายุวีซ่าที่ชุมพรได้เลย
ท่านผู้ว่าฯสมดียังพูดถึงโครงการบัวแก้วสัญจรว่าเป็นประโยชน์ในแง่ที่ทำให้ได้รับฟังข้อคิดเห็นต่างๆ ของจังหวัด ซึ่งมีประเด็นเรื่องการไม่มีเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศในจังหวัดจึงต้องใช้เจ้าหน้าที่ของสำนักงานจังหวัดแทน บุคลากรที่มีความรู้ด้านภาษาที่จะติดต่อสื่อสารระดับสากลก็ไม่มี เพราะหากมีข้อตกลงหรือการทำเอ็มโอยูกับเพื่อนบ้านจะได้ทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้นเพราะขณะนี้ต้องทำผ่านกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้หารือกับกระทรวงการต่างประเทศซึ่งจะเสียเปรียบประเทศเพื่อนบ้านที่มีเจ้าหน้าที่วิเทศสัมพันธ์ประจำจังหวัด
นอกจากนี้ท่านผู้ว่าฯยังอยากให้กระทรวงการต่างประเทศลงพื้นที่ให้คำแนะนำจังหวัดในเรื่องต่างๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ เรื่องพิธีการทูตเพื่อให้ทราบถึงเรื่องการต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองให้เหมาะสมตามหลักปฏิบัติ ซึ่งสิ่งเหล่านี้พื้นที่จังหวัดชายแดนจะไม่มีความรู้ จึงอยากให้กระทรวงจัดเจ้าหน้าที่มาปีเว้นปีเพื่อให้ความรู้ต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยในการทำงานและจะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายด้วย
ข้อสังเกตของท่านผู้ว่าฯสมดีเป็นสิ่งที่สะท้อนความเป็นจริงดังที่รองปลัดสุวัฒน์ได้พูดไว้ นั่นคือโลกในปัจจุบันแคบลงเรื่อยๆ และการต่างประเทศไม่ใช่เรื่องไกลตัวคนไทยทุกคนอีกต่อไป