ราคาน้ำมันดิบร่วงลง ขณะตลาดกังวลกับสงครามการค้า

AFP / KAREN BLEIER

เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ร่วงลงในวันอังคาร ในขณะที่รัฐบาลสหรัฐประกาศขึ้นบัญชีดำบริษัทจีนจำนวนมากยิ่งขึ้น และความเคลื่อนไหวนี้ส่งผลให้นักลงทุนปรับลดความคาดหวังที่ว่า จีนกับสหรัฐจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากันได้ อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนเข้ามาบ้างจากข่าวเหตุการณ์ไม่สงบในอิรักและเอกวาดอร์

ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนพ.ย.ร่วงลง 12 เซนต์ หรือ 0.2% มาปิดตลาดที่ 52.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนปรับลง 11 เซนต์ หรือ 0.2% สู่ 58.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

หลังจากตลาด NYMEX ปิดทำการในวันอังคาร การปิโตรเลียมสหรัฐ (API) ซึ่งเป็นหน่วยงานของเอกชน ได้เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันสหรัฐประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 4 ต.ค. โดยระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้น 4.1 ล้านบาร์เรล ถึงแม้โพลล์รอยเตอร์คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบอาจปรับขึ้นเพียง 1.4 ล้านบาร์เรล

นักลงทุนใช้ความระมัดระวังในการลงทุน ก่อนที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนกับสหรัฐจะเจรจาการค้ากันที่กรุงวอชิงตันในวันที่ 10-11 ต.ค. ในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐกล่าวว่า ไม่มีแนวโน้มที่จีนกับสหรัฐจะทำข้อตกลงการค้ากันได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์กก็รายงานอีกด้วยว่า รัฐบาลสหรัฐพยายามที่จะจำกัดเงินลงทุนที่ไหลเข้าสู่จีน โดยมุ่งเป้าไปที่การลงทุนของกองทุนเงินบำนาญของรัฐบาลสหรัฐ

Advertisement

ราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนจากเหตุการณ์ประท้วงในอิรักและเอกวาดอร์ ซึ่งต่างก็เป็นสมาชิกของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) โดยมีการประท้วงในเขตซาดร์ในกรุงแบกแดดของอิรัก และมีความกังวลกันว่า การที่ตุรกีอาจจะโจมตีกองกำลังชาวเคิร์ดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรีย อาจจะส่งผลให้เกิดวิกฤติผู้ลี้ภัย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันในเขตปกครองตนเองเคอร์ดิสถานในอิรัก ทางด้านกระทรวงพลังงานของเอกวาดอร์ระบุว่า การประท้วงต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดอาจจะส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันในเอกวาดอร์ปรับลดลง 59,450 บาร์เรลต่อวัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image