เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม นางคริสตาลินา จอร์จีวา กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ซึ่งเข้ารับตำแหน่งแทน นาง คริสตีน ลาร์การ์ด เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา เปิดแถลงข่าวเป็นครั้งแรกหลังรับตำแหน่ง เตือนอย่างชัดเจนว่าคณะทำงานของไอเอ็มเอฟคาดการณ์ภาพรวมของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ว่าจะเกิดการชะลอตัวขึ้นในประเทศต่างๆ ทั่วโลกเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ของประเทศทั้งหมด ถือเป็นภาวะชะลอตัวที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กันซึ่งจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือในระดับนานาชาติเพื่อรับมือกับภัยคุกคามต่อเศรษฐกิจโลกที่ร้ายแรงที่สุดนับตั้งแต่เกิดภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจขึ้นเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา โดยระบุว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจรวมทั่วโลกในปีนี้จะลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี ซึ่งทางไอเอ็มเอฟ เตรียมเปิดเผยตัวเลขโดยละเอียดในการเผยแพร่ภาพรวมเศรษฐกิจโลกสำหรับปีนี้และปี 2563 ในสัปดาห์หน้า
นางจอร์จีวา ระบุว่า การใช้มาตรการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางของประเทศต่างๆ เพื่อกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ อาจนำไปสู่การสั่งสมหนี้ของบริษัทธุรกิจ ซึ่งเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้ที่รวมมูลค่าสูงถึง 19 ล้านล้านดอลลาร์ ถ้าหากเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ภาพรวมของเศรษฐกิจโลกแย่ลงสืบเนื่องจากความขัดแย้งแตกแยกต่อเนื่องกันหลายๆ กรณี ตั้งแต่ ความขัดแย้งด้านการค้า, ความตึงเครียดเชิงภูมิรัฐศาสตร์และกรณีเบร็กซิท สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนทำให้การค้าโลกแทบหยุดนิ่งแล้วในขณะนี้
“ทุกคนเป็นผู้สูญเสียในสงครามการค้า สำหรับเศรษฐกิจโลกผลความเสียหายโดยรวมจากความขัดแย้งครั้งนี้อาจสูงถึง 700,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2563 หรือประมาณ 0.8 เปอร์เซ็นต์ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของโลกหรือเทียบเท่ากับมูลค่าจีดีพีของสวิตเซอร์แลนด์ทั้งประเทศ” นางจอร์จีวากล่าว พร้อมกับเรียกร้องให้บรรดาประเทศที่มีศักยภาพในเชิงงบประมาณ ดำเนินมาตรการทางการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจควบคู่ไปกับมาตรการทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เยอรมนี, เนเธอร์แลนด์ และเกาหลีใต้ เป็นต้น
