‘ดอน’ ประชุม ‘เจซีไทย-อินเดีย’ ดันเพิ่มมูลค่าการค้าเป็น3หมื่นล้านดอลลาร์ใน5ปี

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อความร่วมมือทวิภาคี (เจซี) ไทย-อินเดีย ครั้งที่ 8 ร่วมกับนายสุพรหมณยัม ชัยศังกระ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐอินเดีย ที่กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา

โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม นางบุษยา มาทแล็ง ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้เป็นประธานการประชุมเจซีระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส ร่วมกับนางวิชัย ฐากุร ซิงห์ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐอินเดีย (ฝ่ายกิจการภูมิภาคตะวันออก) โดยทั้งสองฝ่ายได้หารือและผลักดันความร่วมมือสาขาต่างๆ ที่คั่งค้าง แสวงหาความร่วมมือใหม่ๆ รวมถึงเพื่อเตรียมการสำหรับการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐอินเดีย

การประชุมเจซีไทย-อินเดียเป็นไปด้วยบรรยากาศที่เป็นมิตร ทั้งสองฝ่ายตระหนักถึงความสอดคล้องของนโยบาย “มองตะวันตก” (Look West Policy) ของไทยและ “มุ่งตะวันออก” (Act East Policy) ของอินเดีย โดยเฉพาะในปัจจุบันที่ไทยเป็นประธานอาเซียนและประเทศผู้ประสานงานความสัมพันธ์อาเซียน-อินเดีย วาระปี 2561-2564 ซึ่งสองฝ่ายเห็นควรส่งเสริมความร่วมมือในทุกมิติโดยขยายผลไปสู่ความร่วมมือระดับอนุภูมิภาคและภูมิภาค เพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างสองภูมิภาคและมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย เข้าด้วยกันอย่างเป็นรูปธรรม

Advertisement

สำหรับความสัมพันธ์ในกรอบทวิภาคี ทั้งสองฝ่ายยินดีและผลักดันให้มีการเยือนระดับสูงระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยินดีต่อความร่วมมือด้านการทหารและความมั่นคงที่ใกล้ชิด ในด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายยินดีกับมูลค่าการค้าและการลงทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเห็นพ้องจะรักษาการขยายตัวทางการค้าให้อยู่ที่ประมาณร้อยละ 20 ต่อปี เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 12,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้เพิ่มขึ้นเป็น 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐได้ภายในระยะเวลา 5 ปี หรือ พ.ศ.2567 ขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับการเจรจาจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรืออาร์เซ็ป (Regional Comprehensive Economic Partnership-RCEP) ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

ในมิติความเชื่อมโยง ทั้งสองฝ่ายเห็นประโยชน์ของความเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อทั้งทางบก ทะเล อากาศ และจะแสวงหาลู่ทางผลักดันความร่วมมือทางทะเลระหว่างกันมากขึ้น ในมิติสังคมและวัฒนธรรม ทั้งสองฝ่ายเห็นควรนำความเชื่อมโยงด้านอารยธรรมและวัฒนธรรมที่มีร่วมกันตั้งแต่อดีตมาขยายผลให้เกิดความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะความร่วมมือระหว่างไทยกับภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียที่มีความเชื่อมโยงกันด้านชาติพันธุ์ นอกจากนี้ ยังได้หารือถึงการส่งเสริมความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและอวกาศ กงสุล รวมถึงการผลักดันความตกลงที่ยังคั่งค้างด้วย

ในระดับภูมิภาคและพหุภาคี สองฝ่ายหารือทิศทางการผลักดันความร่วมมือภายใต้กรอบอาเซียน-อินเดีย สหประชาชาติ และกรอบอนุภูมิภาคต่างๆ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (Ayeyawady-Chao Phyaya-Mekong Economic Cooperation Strategy-ACMECS) กรอบความร่วมมือแม่น้ำโขง-คงคา (Mekong-Ganga Cooperation-MGC) กรอบความร่วมมือความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาวิชาการและเศรษฐกิจ (Bay of Bengal Initiative for Multi-Sectoral Technical and Economic Cooperation-BIMSTEC) สมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย (Indian Ocean Rim Association-IORA) และกรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue- ACD) พร้อมทั้งใช้โอกาสนี้แลกเปลี่ยนทรรศนะเกี่ยวกับประเด็นในภูมิภาคและโลก อาทิ อินโด-แปซิฟิก ความร่วมมือทางทะเล การพัฒนาที่ยั่งยืน

Advertisement

ภายหลังการประชุม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศทั้งสองได้ร่วมกันลงนามในเอกสารผลลัพธ์การประชุม รวมทั้งร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างสถาบันการต่างประเทศเทวะวงศ์วโรปการ กระทรวงการต่างประเทศ กับ Foreign Service Institute (FSI) กระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐอินเดีย เพื่อส่งเสริมความร่วมมือซึ่งกันและกันในการพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรด้านการต่างประเทศอีกด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image